พุทธวจน

การรู้อริยสัจสี่ ทำให้มีตาสมบูรณ์

พระพุทธเจ้ากับบุคคลสามประเภทและดวงตาแห่งธรรมในภาพจิตรกรรมไทย

สารบัญ

ในยุคที่ข้อมูลล้นโลก ความเข้าใจในสิ่งสำคัญของชีวิตกลับขาดแคลน คนส่วนใหญ่แสวงหาแต่ "ตาเห็นทรัพย์" แต่ไม่รู้ว่าความจริงของชีวิตนั้นกลับซ่อนอยู่ใน "ตาเห็นธรรม"

พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบเทียบคนในโลกออกเป็น 3 ประเภท — คนตาบอด, คนมีตาข้างเดียว และคนมีตาสองข้าง — โดยชี้ให้เห็นว่า ผู้มี "ตาสมบูรณ์" คือผู้ที่รู้ชัดในอริยสัจสี่ อันเป็นทางออกจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง.


ความหมายของ "ตาสมบูรณ์" ในพุทธวจน

พระสูตรจาก บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๖๒/๔๖๘ และ ๑๔๗/๔๕๙ ได้อธิบายชัดเจนว่า:

“ภิกษุผู้มีตาสมบูรณ์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า:

  • นี้ทุกข์
  • นี้เหตุให้เกิดทุกข์
  • นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
  • นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”

นั่นคือ รู้และเห็นอริยสัจสี่อย่างแจ่มแจ้ง ถือเป็นการเปิด "ดวงตาแห่งธรรม" อย่างสมบูรณ์


คน 3 ประเภทที่พระพุทธเจ้าตรัสถึง:

🕶️ 1. คนตาบอด (อนฺโธ)

ไม่มีตาทางโลกและตาทางธรรม:

  • มองไม่เห็นโภคทรัพย์
  • ไม่รู้ธรรมฝ่ายดี-ฝ่ายชั่ว, กุศล-อกุศล

➤ เปรียบเหมือนผู้หลงอยู่ในความมืดทั้งในทางโลกและธรรม

👁️ 2. คนมีตาข้างเดียว (เอกจกฺขุ)

เห็นแต่เรื่องโลก เห็นผลของทรัพย์ แต่ไม่เห็นธรรม

➤ คือผู้ประสบความสำเร็จทางโลก แต่หลงลืมหนทางหลุดพ้น

👁️‍🗨️ 3. คนมีตาสองข้าง (ทฺวิจกฺขุ)

เห็นทั้งทางโลกและทางธรรม

➤ เป็นผู้ได้เปรียบ มีศักยภาพเข้าใจทั้ง "ความเจริญทางโลก" และ "การหลุดพ้นจากโลก"


"ตาสมบูรณ์" ไม่ใช่แค่เห็น แต่ต้อง แทงตลอด

การมีตาสองข้างไม่เท่ากับมี "ตาสมบูรณ์"
เพราะ “ตาสมบูรณ์” หมายถึง การแทงตลอดในอริยสัจ ๔
ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

✨ ผู้มีตาสมบูรณ์คือผู้เห็น “ทุกข์” และไม่หลงไปสร้างเหตุแห่งทุกข์อีก
✨ ผู้มีตาสมบูรณ์จึงไม่ใช่เพียงผู้มีปัญญา แต่เป็นผู้รู้แจ้งตามความเป็นจริง


จาก “ตาเนื้อ” สู่ “ตาแห่งธรรม”

การรู้จักธรรมะที่แยกกุศลออกจากอกุศล, เลวออกจากประณีต, ดำออกจากขาว
คือสิ่งที่ทำให้เรามี "ตาทางธรรม"
แต่จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ “รู้แจ้งอริยสัจสี่” เท่านั้น


ข้อคิด:

พระพุทธเจ้ามิได้ปฏิเสธการแสวงหาโภคทรัพย์
แต่ท่านสอนว่า อย่ามีแค่ตาเห็นโลก
จงมีตาเห็นธรรมด้วย — โดยเฉพาะ “อริยสัจสี่”
เพราะนั่นคือ “ดวงตาแห่งการพ้นทุกข์”


บทสรุป:

หากใครยังไม่รู้จักทุกข์และทางดับทุกข์ เขายังมืดบอดอยู่
หากใครเห็นแต่เรื่องทรัพย์ทางโลก เขายังขาด “ตาธรรม”
แต่หากใครเห็นอริยสัจสี่โดยชัดเจนและไม่หลงลืม
เขาคือผู้มี ตาสมบูรณ์อย่างแท้จริง


ลิ้งที่เกี่ยวข้อง:


แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน เล่มเล็ก ฉบับที่ ๑ ตามรอยธรรม)

[๘ การรู้อริยสัจสี่ ทำให้มีตาสมบูรณ์]

-บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๖๒/๔๖๘.
-บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๔๗/๔๕๙.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  บุคคล ๓ จำพวกนี้มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก.   สามจำพวกอย่างไรเล่า ?   สามจำพวกคือ :- คนตาบอด (อนฺโธ), คนมีตาข้างเดียว (เอกจกฺขุ), คนมีตาสองข้าง (ทฺวิจกฺขุ).
 
ภิกษุทั้งหลาย !  คนตาบอดเป็นอย่างไรเล่า ?  คือคนบางคนในโลกนี้  ไม่มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น  นี้อย่างหนึ่ง;  และไม่มีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ธรรมมีโทษและไม่มีโทษ   ธรรมเลวและธรรมประณีต   ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาว  นี้อีกอย่างหนึ่ง.  
 ภิกษุทั้งหลาย !  นี้แล  คนตาบอด (ทั้งสองข้าง).
 
ภิกษุทั้งหลาย !  คนมีตาข้างเดียวเป็นอย่างไรเล่า ? คือคนบางคนในโลกนี้ มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น นี้อย่างหนึ่ง; แต่ไม่มีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล  ธรรมมีโทษและไม่มีโทษ  ธรรมเลวและธรรมประณีต ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาว  นี้อีกอย่างหนึ่ง. 
ภิกษุทั้งหลาย !  นี้แล  คนมีตาข้างเดียว.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  คนมีตาสองข้างเป็นอย่างไรเล่า ? คือคนบางคนในโลกนี้ มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น  นี้อย่างหนึ่ง; และมีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ธรรมมีโทษและไม่มีโทษ   ธรรมเลวและธรรมประณีต ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาว  นี้อีกอย่างหนึ่ง.  
ภิกษุทั้งหลาย !  นี้แล  คนมีตาสองข้าง.
 
...ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุมีตาสมบูรณ์ (จกฺขุมา)  เป็นอย่างไรเล่า ?   คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”  ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย !  นี้แล ภิกษุมีตาสมบูรณ์.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *