พุทธวจน

ผู้เจริญฌาน ๔ ย่อมโน้มเอียงไปสู่นิพพาน: การตีความจากพระสูตรพุทธวจน

พระภิกษุนั่งสมาธิกลางธรรมชาติ แม่น้ำไหลสู่ขอบฟ้า เปรียบเหมือนผู้เจริญฌาน 4 สู่นิพพาน สไตล์จิตรกรรมไทยประยุกต์

สารบัญ

 

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและสิ่งยั่วยุให้จิตใจไขว้เขว หลายคนมองหาหนทางที่พาไปสู่ความสงบแท้จริง คำถามคือ — เราจะสร้าง “แนวโน้ม” ให้ชีวิตมุ่งไปสู่นิพพานได้อย่างไร? พระสูตรในพุทธวจนได้ยกอุปมาแม่น้ำคงคาที่ไหลไปทางทิศตะวันออก เพื่อเปรียบกับผู้ที่เจริญฌานทั้ง ๔ อย่างสม่ำเสมอ ย่อมมีจิตใจโน้มเอียง ลาด และเทไปทางนิพพานเช่นเดียวกัน


ฌานทั้ง ๔: เส้นทางภายในที่ไหลสู่ความหลุดพ้น

1. ปฐมฌาน: วิเวกเป็นสุขเริ่มต้น

เมื่อภิกษุสงัดจากกามและอกุศลธรรม ย่อมเข้าถึงปฐมฌานที่ประกอบด้วยวิตก วิจาร ปีติ และสุข อันเกิดจากวิเวก นี่คือจุดเริ่มต้นของกระแสจิตที่ใสสะอาดและมุ่งหน้าไปสู่ความสงบลึก

2. ทุติยฌาน: สมาธิผ่องใสในใจ

เมื่อระงับวิตกวิจารลง จิตย่อมผุดผ่อง ผ่องใสด้วยสมาธิ ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ ทำให้จิตมั่นคงยิ่งขึ้น และเริ่มเป็นอิสระจากความฟุ้งซ่าน

3. ตติยฌาน: อุเบกขาสุขและสติสัมปชัญญะ

ความจางคลายของปีติทำให้เกิดอุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ ชนิดที่พระอริยเจ้าสรรเสริญว่าเป็นความสุขที่ประณีตและมั่นคง

4. จตุตถฌาน: ความบริสุทธิ์แห่งสติ

ละสุขละทุกข์ ดับโสมนัสและโทมนัส เหลือเพียงสติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา จิตในขั้นนี้สงบอย่างแท้จริงและใกล้ชิดนิพพานที่สุด


อุปมาที่พระพุทธเจ้าทรงใช้: แม่น้ำคงคาไหลสู่ตะวันออก

เช่นเดียวกับแม่น้ำคงคาที่ไหล ลาด และเทไปในทิศเดียวโดยธรรมชาติ ผู้ที่เจริญฌานทั้ง ๔ ย่อมมีจิตใจไหลสู่ความหลุดพ้นโดยไม่ต้องฝืน นี่ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเป็นตัวกำหนดทิศทางของจิต


การประยุกต์ใช้ในชีวิตปัจจุบัน

  • ฝึกสมาธิทุกวัน แม้เพียงระยะสั้น ก็เป็นการสร้างกระแสภายในให้ไหลสู่ความสงบ

  • ค่อยๆ ลดสิ่งรบกวนจิตใจ คล้ายการเบี่ยงทางน้ำออกจากสิ่งกีดขวาง

  • ใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีสติ เพื่อรักษาสภาพจิตที่พร้อมเข้าสู่ฌาน


สรุป

พระสูตรนี้ตอกย้ำว่า ฌานทั้ง ๔ ไม่ใช่เพียงขั้นตอนของสมาธิ แต่เป็น “ทิศทางชีวิต” ผู้ที่ปฏิบัติย่อมมีจิตโน้มเอียง ลาด และเทไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างมั่นคง


บทความอื่นที่น่าสนใจ:

แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน]

-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๒/๑๓๐๑.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  คงคานที ลุ่มไปทางทิศตะวันออก ลาดไปทางทิศตะวันออก เทไปทางทิศตะวันออก ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุเจริญฌานทั้ง ๔ อยู่ กระทำฌานทั้ง ๔ ให้มากอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน ฉันนั้นก็เหมือนกัน.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุเจริญฌานทั้ง ๔ อยู่ กระทำฌานทั้ง ๔ ให้มากอยู่ ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน เป็นอย่างไรเล่า ? 
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่; 
เพราะความที่วิตก วิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอก ผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่; 
 
อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็น ผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌาน แล้วแลอยู่;
 
เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัส และโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  อย่างนี้แล ภิกษุเจริญฌานทั้ง ๔ อยู่ กระทำฌานทั้ง ๔ ให้มากอยู่ ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *