พุทธวจน

ทำความเพียรแข่งกับอนาคตภัย: 5 เหตุเร่งเร้าให้ไม่ประมาทในชีวิต

ทำความเพียรแข่งกับอนาคตภัย: 5 เหตุเร่งเร้าให้ไม่ประมาทในชีวิต

สารบัญ

ในชีวิตของเรา หลายครั้งความสุข ความสะดวก และความพร้อมที่มีอยู่ทำให้เราผัดผ่อนสิ่งสำคัญออกไป โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาตนเองทั้งด้านคุณธรรมและปัญญา แต่ในความเป็นจริง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ — สุขภาพเสื่อมลง ทรัพยากรขาดแคลน ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ความสงบของสังคมก็อาจสั่นคลอน

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรา “เร่งทำความเพียร” ก่อนที่ภัยเหล่านี้จะมาถึง โดยทรงยกตัวอย่าง ภัยในอนาคต 5 ประการ ที่ควรใช้เป็นแรงกระตุ้นให้ไม่ประมาท


ภัยในอนาคต 5 ประการ และการตีความในชีวิตปัจจุบัน

1. ความแก่

“ตอนนี้เรายังหนุ่ม ยังมีกำลัง แต่วันหนึ่งความชราจะมาถึง ทำให้ร่างกายไม่เอื้อให้ปฏิบัติธรรมได้ง่าย”

วิเคราะห์:
วัยหนุ่มสาวคือช่วงที่มีกำลังกายและจิตใจพร้อมที่สุดในการเรียนรู้ ฝึกสมาธิ และพัฒนาปัญญา หากรอจนร่างกายเสื่อม อาจยากที่จะทำกิจอันประณีต เช่น การปลีกวิเวกภาวนา

การประยุกต์:
อย่ารอให้เกษียณแล้วค่อยเริ่มฝึกตน ใช้พลังวัยนี้ในการสร้างพื้นฐานของสติและสมาธิ


2. ความเจ็บไข้

“ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง แต่อยู่มาวันหนึ่งโรคภัยจะมาถึง ทำให้ไม่สะดวกในการเพียร”

วิเคราะห์:
สุขภาพเป็นทรัพย์ล้ำค่าที่ทำให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ เมื่อเจ็บป่วย แม้ใจอยากเพียร แต่ร่างกายอาจไม่อำนวย

การประยุกต์:
ใช้เวลาที่แข็งแรงลงทุนในสิ่งที่มีคุณค่า และดูแลสุขภาพเพื่อเป็นฐานของการปฏิบัติธรรม


3. ความขาดแคลนปัจจัยสี่

“วันนี้อาหารยังหาง่าย แต่วันหนึ่งอาจเกิดทุพภิกขภัย”

วิเคราะห์:
ความอุดมสมบูรณ์ไม่คงที่ ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือภัยธรรมชาติอาจทำให้ชีวิตลำบากขึ้น

การประยุกต์:
รู้จักพอประมาณในความเป็นอยู่ ฝึกความยืดหยุ่นและการอยู่ด้วยปัจจัยน้อย เพื่อให้จิตไม่หวั่นไหวต่อความเปลี่ยนแปลง


4. ความไม่สงบของบ้านเมือง

“วันนี้ผู้คนรักใคร่กัน แต่วันหนึ่งอาจเกิดโจรภัยหรือความวุ่นวาย”

วิเคราะห์:
สังคมสงบคือโอกาสทองในการพัฒนาตน เพราะความวุ่นวายทำให้การปฏิบัติถูกขัดขวาง

การประยุกต์:
ใช้เวลาที่สังคมยังสงบสร้างคุณงามความดี และเตรียมใจรับมือความเปลี่ยนแปลงด้วยสติ


5. ความแตกแยกในหมู่คณะ

“วันนี้หมู่สงฆ์สามัคคี แต่วันหนึ่งอาจเกิดความแตกแยก”

วิเคราะห์:
ความสามัคคีเป็นพลังสนับสนุนการเดินบนเส้นทางธรรม เมื่อหมู่คณะขัดแย้งกัน การเพียรย่อมลำบากขึ้น

การประยุกต์:
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนของตน และยึดหลักธรรมเป็นที่พึ่ง


หัวใจของคำสอน: อย่าประมาท

พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า เราไม่ควรรอจนภัยมาถึงจึงค่อยเริ่มเพียร เพราะเมื่อถึงเวลานั้นอาจสายเกินไป ความเพียรวันนี้คือเกราะป้องกันที่จะทำให้เราอยู่เป็นสุขแม้ท่ามกลางภัย


สรุป

“ภัยในอนาคต 5 ประการ” ไม่ใช่เพียงคำเตือนของพระสำหรับภิกษุ แต่เป็นข้อคิดสำหรับทุกคน เพื่อให้เราใช้โอกาสในปัจจุบันอย่างเต็มที่ ทำสิ่งที่มีคุณค่าก่อนที่ปัจจัยภายนอกจะเปลี่ยนแปลง

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[ทำความเพียรแข่งกับอนาคตภัย]

-บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๑๗/๗๘.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ภัยในอนาคตเหล่านี้ มีอยู่ ๕ ประการ ซึ่งภิกษุผู้มองเห็นอยู่ ควรแท้ที่จะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้น อยู่ตลอดไป, เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว. ภัยในอนาคต ๕ ประการนั้น คืออะไรบ้างเล่า ? ๕ ประการ คือ :-
 
(๑) ภิกษุในกรณีนี้ พิจารณาเห็นชัดแจ้งว่า “บัดนี้ เรายังหนุ่ม ยังเยาว์วัย ยังรุ่นคะนอง มีผมยังดำสนิท ตั้งอยู่ในวัยกำลังเจริญ คือปฐมวัย; แต่จะมีสักคราวหนึ่งที่ความแก่ จะมาถึงร่างกายนี้, ก็คนแก่ ถูกความชราครอบงำแล้ว จะมนสิการถึงคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายนั้น ไม่ทำได้สะดวกเลย; และจะเสพเสนาสนะอันเงียบสงัด ซึ่งเป็นป่าชัฏ ก็ไม่ทำได้ง่ายๆ เลย. ก่อนแต่สิ่งอันไม่เป็นที่ต้องการ ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ (คือความแก่) นั้นจะมาถึงเรา เราจะรีบทำความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ถึงแล้ว แม้จะแก่เฒ่าก็จักอยู่เป็นผาสุก” ดังนี้.  ภิกษุทั้งหลาย ! ข้ออื่นยังมีอีก:
 
(๒) ภิกษุพิจารณาเห็นชัดแจ้งว่า “บัดนี้ เรามีอาพาธน้อย มีโรคน้อย มีไฟธาตุให้ความอบอุ่นสม่ำเสมอ ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก พอปานกลาง ควรแก่การทำความเพียร;แต่จะมีสักคราวหนึ่งที่ความเจ็บไข้จะมาถึงร่างกายนี้, ก็คนที่เจ็บไข้ถูกพยาธิครอบงำแล้ว จะมนสิการถึงคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายนั้น ไม่ทำได้สะดวกเลย; และจะเสพเสนาสนะอันเงียบสงัด ซึ่งเป็นป่าชัฏ ก็ไม่ทำได้ง่ายๆ เลย. ก่อนแต่สิ่งอันไม่เป็นที่ต้องการ ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ (คือความเจ็บไข้) นั้น จะมาถึงเรา เราจะรีบทำความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ถึงแล้ว แม้จะเจ็บไข้ ก็จักอยู่เป็นผาสุก” ดังนี้.  ภิกษุทั้งหลาย !  ข้ออื่นยังมีอีก :
 
(๓) ภิกษุพิจารณาเห็นชัดแจ้งว่า “บัดนี้ ข้าวกล้างามดี บิณฑะ (ก้อนข้าว) หาได้ง่าย เป็นการสะดวกที่จะยังชีวิตให้เป็นไปด้วยความพยายามแสวงหาบิณฑบาต; แต่จะมีสักคราวหนึ่งที่ ภิกษาหายาก ข้าวกล้าเสียหาย บิณฑะหาได้ยาก ไม่เป็นการสะดวกที่จะยังชีวิตให้เป็นไปด้วยความพยายามแสวงหาบิณฑบาต, เมื่อภิกษาหายาก ที่ใดภิกษาหาง่าย คนทั้งหลายก็อพยพกันไปที่นั้น, เมื่อเป็นเช่นนั้น ความอยู่คลุกคลีปะปนกันในหมู่คนก็จะมีขึ้น เมื่อมีการคลุกคลีปะปนกันในหมู่คน จะมนสิการถึงคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายนั้น ไม่ทำได้สะดวกเลย. ก่อนแต่สิ่งอันไม่เป็นที่ต้องการ ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ (คือภิกษาหายาก) นั้นจะมาถึงเรา เราจะรีบทำความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ถึงแล้ว จักอยู่เป็นผาสุก แม้ในคราวที่เกิดทุพภิกขภัย” ดังนี้. ภิกษุทั้งหลาย !  ข้ออื่นยังมีอีก :
 
(๔) ภิกษุพิจารณาเห็นชัดแจ้งว่า “บัดนี้ คนทั้งหลายสมัครสมานชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน เข้ากันได้ดุจดั่งนมผสมกับน้ำ มองแลกันด้วยสายตาแห่งคนที่รักใคร่กัน เป็นอยู่; แต่จะมีสักคราวหนึ่งที่ ภัย คือโจรป่ากำเริบ ชาวชนบทผู้ขึ้นอยู่ในอาณาจักรแตกกระจัดกระจายแยกย้ายกันไป, เมื่อมีภัยเช่นนี้ ที่ใดปลอดภัย คนทั้งหลายก็อพยพกันไปที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ความอยู่คลุกคลีปะปนกันในหมู่คนก็จะมีขึ้น เมื่อมีการอยู่คลุกคลีปะปนกันในหมู่คน จะมนสิการถึงคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายนั้น ไม่ทำได้สะดวกเลย : ก่อนแต่สิ่งอันไม่เป็นที่ต้องการ ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ (คือโจรภัย) นั้น จะมาถึงเรา เราจะรีบทำความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ถึงแล้ว จักอยู่เป็นผาสุก แม้ในคราวที่เกิดโจรภัย” ดังนี้. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้ออื่นยังมีอีก :
 
(๕) ภิกษุพิจารณาเห็นชัดแจ้งว่า “บัดนี้ สงฆ์สามัคคีปรองดองกัน ไม่วิวาทกัน มีอุเทศเดียวกัน อยู่เป็นผาสุก; แต่จะมีสักคราวหนึ่งที่สงฆ์แตกกัน, เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว จะมนสิการถึงคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายนั้น ไม่ทำได้สะดวกเลย : ก่อนแต่สิ่งอันไม่เป็นที่ต้องการ ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ (คือสงฆ์แตกกัน) นั้นจะมาถึงเรา เราจะรีบทำความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ถึงแล้ว จักอยู่เป็นผาสุก แม้ในคราวเมื่อสงฆ์แตกกัน” ดังนี้.
 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภัยในอนาคต ๕ ประการเหล่านี้แล ซึ่งภิกษุผู้มองเห็นอยู่ ควรแท้ที่จะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่ตลอดไป,
เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้งเสียโดยเร็ว.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *