พุทธวจน

อกุศลกรรมบถ 10 : เหตุแห่งทุกข์ที่ควรรู้

อกุศลกรรมบถ 10 เหตุแห่งทุกข์ที่ควรรู้

สารบัญ

ในชีวิตประจำวัน เราอาจเคยรู้สึกว่าแม้จะพยายามทำความดี แต่บางครั้งจิตใจก็ยังไม่โปร่งใส หรือยังมีบางสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้จากความสงบที่แท้จริง พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า “ความไม่สะอาด” มิใช่สิ่งที่ชำระได้ด้วยการล้างกายหรือประกอบพิธีภายนอก แต่มีรากฐานมาจาก “อกุศลกรรมบถ” หรือเส้นทางแห่งการกระทำที่ไม่เป็นกุศล ๑๐ ประการ ซึ่งแฝงอยู่ในกาย วาจา และใจของเราเอง

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงความหมายและผลกระทบของอกุศลกรรมบถ ๑๐ พร้อมแนวทางหลีกเลี่ยงเพื่อเดินสู่ความสะอาดที่แท้จริง


โครงสร้างของอกุศลกรรมบถ ๑๐

๑. ความไม่สะอาดทางกาย ๓ ประการ

  • ฆ่าสัตว์ – การพรากชีวิต ไม่ว่าจะด้วยการกระทำตรงหรือการสนับสนุน

  • ลักทรัพย์ – การเอาของที่เจ้าของไม่ยินยอม ไม่ว่าจะในบ้าน ในป่า หรือในโลกดิจิทัล (เช่น การขโมยผลงานทางปัญญา)

  • ประพฤติผิดในกาม – การล่วงละเมิดผู้อื่นในทางเพศ ขัดต่อธรรมและจารีต

๒. ความไม่สะอาดทางวาจา ๔ ประการ

  • พูดเท็จ – การบิดเบือนความจริงเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือทำร้ายผู้อื่น

  • ส่อเสียด – ทำให้ผู้อื่นแตกสามัคคี

  • พูดคำหยาบ – คำพูดรุนแรง ก้าวร้าว

  • พูดเพ้อเจ้อ – พูดไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่เหมาะสมต่อกาลเทศะ

๓. ความไม่สะอาดทางใจ ๓ ประการ

  • โลภเพ่งเล็ง – ปรารถนาของของผู้อื่น

  • พยาบาท – คิดร้าย ปรารถนาให้ผู้อื่นเดือดร้อน

  • เห็นผิด – ปฏิเสธผลของกรรม ปฏิเสธโลกนี้โลกหน้า หรือบุญคุณของผู้มีพระคุณ


ผลกระทบของอกุศลกรรมบถ

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ไม่ว่าผู้ใดจะประกอบพิธีล้างบาปเพียงใด หากยังยึดมั่นในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ก็ไม่อาจ “สะอาด” ได้อย่างแท้จริง ผลของการประกอบกรรมเหล่านี้ย่อมนำไปสู่ นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย และทุคติภูมิอื่น ซึ่งมิใช่เพียงหลังความตาย แต่ยังหมายถึงความทุกข์และความเสื่อมในปัจจุบัน


แนวทางออกจากความไม่สะอาด

ทางออกมิใช่เพียง “ละเว้น” แต่คือการสร้าง กุศลกรรมบถ ๑๐ ซึ่งเป็นตรงกันข้าม เช่น
ฆ่าสัตว์ → เมตตา,
ลักทรัพย์ → ให้ทาน,
พูดเท็จ → พูดจริง,
และฝึกจิตให้ปราศจากโลภ โกรธ หลง

การเดินบนเส้นทางนี้ควบคู่กับ มรรคมีองค์ ๘ จะนำไปสู่ความสะอาดทางกาย วาจา ใจ อย่างแท้จริง


ข้อคิดสำหรับคนยุคใหม่

ในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และโซเชียลมีเดียเปิดโอกาสให้เรา “พูด” และ “กระทำ” ต่อผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ความระมัดระวังไม่ให้ตกอยู่ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เพราะแม้การพิมพ์ข้อความทำร้ายคนอื่นในโลกออนไลน์ ก็เป็น “อกุศลกรรม” ที่มีผลต่อใจเราและต่อผู้อื่นไม่ต่างจากการพูดต่อหน้า


สรุป

การชำระความไม่สะอาดเริ่มที่ใจ และสะท้อนออกมาที่กายและวาจา การรู้เท่าทันและหลีกเลี่ยงอกุศลกรรมบถ ๑๐ คือก้าวสำคัญที่จะพาเราไปสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์ สงบ และปลอดภัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[อกุศลกรรมบถ ๑๐]

 
-บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๒๘๓/๑๖๕.
 
จุนทะ !  ความไม่สะอาดทางกาย มี ๓ อย่าง ความไม่สะอาดทางวาจา มี ๔ อย่าง  ความไม่สะอาดทางใจ มี ๓ อย่าง 
 
จุนทะ !  ความไม่สะอาดทางกาย มี ๓ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? 
(๑) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีปกติทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง หยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนด้วยโลหิต มีแต่การฆ่าและทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์มีชีวิต. 
(๒) เป็นผู้มีปกติถือเอาสิ่งของที่มีเจ้าของมิได้ให้ คือวัตถุอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของบุคคลอื่นที่อยู่ในบ้านหรือในป่าก็ตาม เป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย.
(๓) เป็นผู้มีปกติประพฤติผิดในกาม (คือประพฤติผิด) ในหญิง ซึ่งมารดารักษา บิดารักษา พี่น้องชาย พี่น้องหญิงหรือญาติรักษา อันธรรมรักษา เป็นหญิงมีสามี หญิงอยู่ในสินไหม โดยที่สุดแม้หญิงอันเขาหมั้นไว้ (ด้วยการคล้องพวงมาลัย) เป็นผู้ประพฤติผิดจารีตในรูปแบบเหล่านั้น.
จุนทะ !  อย่างนี้แล เป็นความไม่สะอาดทางกาย ๓ อย่าง.
 
จุนทะ !  ความไม่สะอาดทางวาจา มี ๔ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
(๑) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีปกติกล่าวเท็จ ไปสู่สภาก็ดี ไปสู่บริษัทก็ดี ไปสู่ท่ามกลางหมู่ญาติก็ดี ไปสู่ท่ามกลางศาลาประชาคมก็ดี ไปสู่ท่ามกลางราชสกุลก็ดี อันเขานำไปเป็นพยาน ถามว่า “บุรุษผู้เจริญ ! ท่านรู้อย่างไร ท่านจงกล่าวไปอย่างนั้น” ดังนี้, บุรุษนั้น เมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น เมื่อเห็นก็กล่าวว่าไม่เห็น, เพราะเหตุตนเอง เพราะเหตุผู้อื่นหรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสไรๆ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่. 
(๒) เป็นผู้มีวาจาส่อเสียด คือฟังจากฝ่ายนี้แล้วไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังจากฝ่ายโน้นแล้วมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น เป็นผู้ทำคนที่สามัคคีกันให้แตกกัน หรือทำคนที่แตกกันแล้วให้แตกกันยิ่งขึ้น พอใจ ยินดี เพลิดเพลินในการแตกกันเป็นพวก เป็นผู้กล่าววาจาที่กระทำให้แตกกันเป็นพวก. 
(๓) เป็นผู้มีวาจาหยาบ อันเป็นวาจาหยาบคาย กล้าแข็ง แสบเผ็ดต่อผู้อื่น กระทบกระเทียบผู้อื่น แวดล้อมอยู่ด้วยความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ เขาเป็นผู้กล่าววาจามีรูปลักษณะเช่นนั้น. 
(๔) เป็นผู้มีวาจาเพ้อเจ้อ คือเป็นผู้กล่าวไม่ถูกกาล ไม่กล่าวตามจริง กล่าวไม่อิงอรรถ ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย เป็นผู้กล่าววาจาไม่มีที่ตั้งอาศัย ไม่ถูกกาละเทศะ ไม่มีจุดจบ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์.
จุนทะ !  อย่างนี้แล เป็นความไม่สะอาดทางวาจา ๔ อย่าง.
 
จุนทะ !  ความไม่สะอาดทางใจ มี ๓ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? 
(๑) บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มากด้วยอภิชฌา (ความโลภเพ่งเล็ง) เป็นผู้โลภเพ่งเล็งวัตถุอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น ว่า “สิ่งใดเป็นของผู้อื่น สิ่งนั้นจงเป็นของเรา” ดังนี้; 
(๒) เป็นผู้มีจิตพยาบาท มีความดำริในใจเป็นไปในทางประทุษร้ายว่า “สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ จงเดือดร้อน จงแตกทำลาย จงขาดสูญ จงพินาศ อย่าได้มีอยู่เลย” ดังนี้ เป็นต้น; 
(๓) เป็นผู้มีความเห็นผิด มีทัสสนะวิปริตว่า “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), การบูชาที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว ไม่มี, โลกนี้ ไม่มี, โลกอื่น ไม่มี, มารดา ไม่มี, บิดา ไม่มี, โอปปาติกะสัตว์ ไม่มี, สมณพราหมณ์ที่ไปแล้ว ปฏิบัติแล้วโดยชอบถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่นด้วยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี” ดังนี้.
จุนทะ !  อย่างนี้แล เป็นความไม่สะอาดทางใจ ๓ อย่าง.
 
จุนทะ !  เหล่านี้แล เรียกว่า อกุศลกรรมบถ ๑๐.
จุนทะ !  บุคคลประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ เหล่านี้ ลุกจากที่นอนตามเวลาแห่งตนแล้ว แม้จะลูบแผ่นดิน ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่ลูบแผ่นดิน ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้; แม้จะจับโคมัยสด ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่จับโคมัยสด ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้;
แม้จะจับหญ้าเขียว ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่จับหญ้าเขียว ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้; แม้จะบำเรอไฟ ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่บำเรอไฟ ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้; แม้จะไหว้ดวงอาทิตย์ ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่ไหว้ดวงอาทิตย์ ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้; แม้จะลงน้ำในเวลาเย็นเป็นครั้งที่สาม ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้, แม้จะไม่ลงน้ำในเวลาเย็นเป็นครั้งที่สาม ก็เป็นคนสะอาดไปไม่ได้. 
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? จุนทะ !  เพราะเหตุว่า อกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการเหล่านี้ เป็นตัวความไม่สะอาด และเป็นเครื่องกระทำความไม่สะอาด.
จุนทะ !  อนึ่ง เพราะมีการประกอบด้วยอกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการเหล่านี้เป็นเหตุ นรกย่อมปรากฏ กำเนิดเดรัจฉานย่อมปรากฏ เปรตวิสัยย่อมปรากฏ หรือว่า ทุคติใดๆ แม้อื่นอีก ย่อมมี.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *