พุทธวจน

รู้ตัวทั่วพร้อม: เจาะลึกสติและสัมปชัญญะในชีวิตประจำวันตามพุทธวจน

รู้ตัวทั่วพร้อม: เจาะลึกสติและสัมปชัญญะในชีวิตประจำวันตามพุทธวจน

สารบัญ

ในโลกยุคใหม่ที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยสิ่งล่อใจ การกลับมาสู่ "สติ" และ "สัมปชัญญะ" กลายเป็นคำตอบของผู้แสวงหาความสงบจากความวุ่นวาย แต่ในทางพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะในพุทธวจน คำสองคำนี้มีความหมายลึกซึ้งและมีนัยยะเกินกว่าการแค่รู้สึกตัวในสิ่งที่ทำ

ความหมายของ "สติ" ตามพุทธวจน

ในพระสูตร สติไม่ได้หมายเพียงการระลึกรู้ แต่คือการ "เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม" อย่างต่อเนื่องด้วยความเพียร มีสติและสัมปชัญญะ พร้อมกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้ ดังนั้น สติคือคุณสมบัติที่ต้องอาศัยการฝึกฝนในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นนิสัย

กล่าวคือ ผู้มีสติในแนวทางของพุทธวจน จะสามารถมองเห็นกาย เวทนา จิต และธรรม ตามความเป็นจริง โดยไม่ตกอยู่ในอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง เป็นการรู้เท่าทันกระบวนการทางกายและใจอย่างไม่หวั่นไหว

สัมปชัญญะ: ความรู้ตัวที่ลึกกว่าความรู้สึกตัว

ในพระสูตรกล่าวถึงสัมปชัญญะว่าเป็น "การรู้ตัวรอบคอบ" ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเดิน ถอยหลัง เหลียวดู คู้ เหยียด สวมจีวร ฉัน พูด หรือแม้แต่นิ่งเงียบ ผู้มีสัมปชัญญะคือผู้ที่รู้ตัวอยู่ในทุกอิริยาบถ รู้ว่ากำลังกระทำสิ่งใด และรู้ด้วยว่าการกระทำนั้นควรหรือไม่ควร ทำไปเพื่ออะไร

สัมปชัญญะจึงเป็นเครื่องเสริมกำลังให้สติมั่นคง มิใช่เพียงระลึกรู้ แต่รู้ด้วยว่า "รู้ไปเพื่ออะไร" และ "จะวางใจอย่างไร" กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น

การปฏิบัติสติและสัมปชัญญะในชีวิตประจำวัน

  • ขณะรับประทานอาหาร: มีสติรู้ถึงการเคี้ยว การกลืน และความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่จมอยู่กับความอร่อยหรือความไม่พอใจ
  • ขณะเดิน: รู้เท้าวาง เท้ายก เท้าย่าง ไม่เดินด้วยความเร่งรีบหรือล่องลอย
  • ขณะโกรธ: หยุดดูจิต ไม่ให้ตัดสินว่าความโกรธดีหรือชั่ว แต่เห็นตามที่เป็น แล้วปล่อยวาง

ผลแห่งการฝึกสติและสัมปชัญญะ

ผู้ที่ฝึกสติและสัมปชัญญะอย่างต่อเนื่อง ย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตใจตนเองอย่างชัดเจน มีความสงบ ลดความฟุ้งซ่าน และมีภูมิคุ้มกันจากอารมณ์และสิ่งเร้าในโลกภายนอกได้ดีขึ้น


พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน):

[ลักษณะของผู้มีสติและสัมปชัญญะ]

-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๒๖๐/๓๗๔.
 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเป็นผู้มีสติเป็นอย่างไรเล่า ?
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้เห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้;
 
เป็นผู้เห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ...;
เป็นผู้เห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ ...;
เป็นผู้เห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้. 
 
ภิกษุทั้งหลาย !  อย่างนี้แล เรียกว่า ภิกษุเป็นผู้มีสติ.
 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะ เป็นอย่างไรเล่า ?
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้รู้ตัวรอบคอบในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง, การแลดู การเหลียวดู, การคู้ การเหยียด, การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร, การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม, การถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ, การไป การหยุด, การนั่ง การนอน, การหลับ การตื่น, การพูด การนิ่ง. 
 
ภิกษุทั้งหลาย ! อย่างนี้แล เรียกว่า ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *