พุทธวจน

ลาภสักการะและคำเยินยอ: อันตรายแม้แก่พระอรหันต์

ลาภสักการะและคำเยินยอ: อันตรายแม้แก่พระอรหันต์

สารบัญ

 

ลาภสักการะและเสียงเยินยอ: ดอกไม้มีพิษในเส้นทางธรรม

ในโลกของปุถุชน สิ่งที่เรียกว่า "ลาภสักการะ" และ "เสียงเยินยอ" มักเป็นสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้าแสวงหา เหล่านี้คือสิ่งที่ให้ความรู้สึกว่ามีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีสถานะในสังคม แต่ในสายตาของพระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้กลับเป็น "อันตราย" ที่ร้ายแรงถึงขั้นที่สามารถบั่นทอนเส้นทางแห่งการหลุดพ้น แม้แต่ผู้ที่บรรลุแล้วอย่าง "พระอรหันต์" ก็ยังได้รับผลกระทบหากประมาท

การวางจิตไว้ผิด ย่อมบั่นทอนความสุข

ในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า "ลาภสักการะและเสียงเยินยอ" เป็นอันตรายที่ "ทารุณ แสบเผ็ด หยาบคาย" ต่อการบรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นธรรมอันเกษมจากโยคะ กล่าวคือ เมื่อภิกษุหรือผู้ปฏิบัติธรรมได้รับลาภสักการะหรือคำชม แล้ว "เยื่อใย" หรือ "ยึดติด" กับสิ่งนั้น แม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นการวางจิตไว้ผิดทาง เป็นการถอยหลังจากธรรมอันสงบ

แม้ในกรณีของพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้ว พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าลาภสักการะและเสียงเยินยอไม่อาจทำลายเจโตวิมุตติของท่านได้ แต่จะกระทบ "การอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม" กล่าวคือ การเป็นผู้สงบเย็นและดำรงอยู่อย่างไม่วุ่นวาย ในปัจจุบันขณะ

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สิ่งภายนอก แต่อยู่ที่จิตที่ถูกรวบไปด้วยความยินดี

ธรรมชาติของโลกคือลาภและเสื่อมลาภ สรรเสริญและนินทา เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่พระพุทธเจ้าสอนให้พึงสังวรว่า แม้สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่ไม่ควรให้ "ห่อหุ้มจิต" คือไม่ควรให้จิตไปยึดถือชอบใจในสิ่งเหล่านั้น เพราะการยึดชอบย่อมนำไปสู่ความเพลิดเพลิน และจากเพลิดเพลินก็จะกลายเป็นความประมาทในธรรม

เครื่องล่อลวงของมาร

สิ่งที่เรียกว่าคำชม คำสรรเสริญ หรือแม้แต่สิ่งของสักการะ ล้วนเป็นเครื่องมือของมารที่คอยล่อลวงผู้ปฏิบัติให้หลงทาง หากไม่มีสติระลึกถึงความจริงของสิ่งเหล่านี้ ก็ยากที่จะต้านทานต่อแรงเสียดทานของโลกได้

ผู้ปฏิบัติธรรมจึงควรพึงสำเหนียกใจไว้ว่า ลาภสักการะและเสียงเยินยอ มิใช่เครื่องยืนยันความเจริญในธรรม หากแต่เป็นบททดสอบของความมั่นคงในจิต และการไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆ


พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายแม้แต่พระอรหันต์]

-บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๒๘๐/๕๘๐.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายที่ทารุณ แสบเผ็ด หยาบคาย ต่อการบรรลุพระนิพพานอันเป็นธรรมเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  เรากล่าว “ลาภสักการะและเสียงเยินยอ ว่าเป็นอันตราย แม้แก่ภิกษุผู้เป็นอรหันต์สิ้นอาสวะแล้ว” ดังนี้. 
 
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดังนี้, ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามขึ้นว่า “ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายแก่ภิกษุผู้สิ้นอาสวะแล้ว ชนิดไรเล่า พระเจ้าข้า ?” ดังนี้. 
 
อานนท์ !  เราหาได้กล่าวลาภสักการะและเสียงเยินยอ ว่าเป็นอันตรายต่อเจโตวิมุตติอันไม่กลับกำเริบแล้วไม่.
 
อานนท์ !  แต่เรากล่าวลาภสักการะและเสียงเยินยอ ว่าเป็นอันตรายต่อการอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรมนี้ ซึ่งภิกษุผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในธรรมเครื่องสงบ ได้ลุถึงแล้ว. 
 
อานนท์ !  ลาภสักการะและเสียงเยินยอเป็นอันตรายที่ทารุณ แสบเผ็ด หยาบคายต่อการบรรลุพระนิพพานอันเป็นธรรมเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ด้วยอาการอย่างนี้. 
 
อานนท์ !  เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้ว่า “เราทั้งหลาย จักไม่เยื่อใยในลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้น.  อนึ่ง ลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องไม่มาห่อหุ้มอยู่ที่จิตของเรา” ดังนี้. 
อานนท์ !  พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล. 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *