พุทธวจน

อสัตบุรุษคือใคร? วิเคราะห์ 4 พฤติกรรมอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง

อสัตบุรุษคือใคร? วิเคราะห์ 4 พฤติกรรมอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง

สารบัญ

อสัตบุรุษ: ไม่ใช่เพียงคำดูถูก แต่คือคำเตือนจากพระพุทธเจ้า

ในสังคมทุกวันนี้ เราอาจเคยได้ยินคำว่า "คนไม่ดี" หรือ "คนไม่น่าไว้ใจ" แต่พระพุทธเจ้าใช้คำว่า "อสัตบุรุษ" ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่า เป็นคำเรียกบุคคลที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับ สัตบุรุษ หรือคนที่มีคุณธรรมอันประเสริฐ และพระองค์ทรงระบุลักษณะของอสัตบุรุษไว้อย่างชัดเจน

พระสูตรในพระไตรปิฎก (จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓) แสดงธรรม ๔ ประการที่ทำให้รู้ว่าบุคคลใดเป็นอสัตบุรุษ ซึ่งควรใช้พิจารณาตนเองและผู้อื่น เพื่อการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยและมีปัญญา


พฤติกรรมของอสัตบุรุษ ๔ ประการ

1. ชอบกล่าวร้ายผู้อื่น แม้ไม่มีใครถาม

อสัตบุรุษมักเพลิดเพลินในการเปิดเผยความไม่ดีของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถามก็ตาม ยิ่งหากถูกถาม เขาจะเลี่ยงไปพูดในเชิงทำให้ผู้อื่นดูแย่ลงอย่างละเอียด พฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงการนินทา แต่แสดงถึงความมืดบอดภายในจิตใจ ซึ่งแสดงออกมาผ่านวาจา

2. ไม่กล่าวความดีของผู้อื่น แม้ถูกถาม

เมื่อมีคนถามถึงความดีของผู้อื่น อสัตบุรุษจะกล่าวอย่างคลุมเครือ ลดทอนคุณความดี และไม่กล่าวอย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่เพียงการอิจฉา แต่สะท้อนถึงความไม่ซื่อตรงต่อความจริง ซึ่งเป็นภัยร้ายของสังคม

3. ปกปิดความไม่ดีของตน แม้มีคนถาม

อสัตบุรุษเมื่อถูกถามถึงความผิดของตน จะพยายามเบี่ยงเบนประเด็น หรือพูดคลุมเครือ ไม่ยอมรับตรง ๆ แทนที่จะใช้โอกาสนั้นแสดงความสำนึกกลับกลายเป็นการปิดบังและปฏิเสธ

4. โอ้อวดความดีของตน แม้ไม่มีใครถาม

อสัตบุรุษมีความยินดีที่จะกล่าวโอ้อวดความดีของตนอย่างพิสดาร แม้ไม่มีใครถาม ยิ่งถ้ามีคนถาม ก็จะพูดจนสุดความสามารถเพื่อแสดงว่าตนประเสริฐ การโอ้อวดเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้เกิดศรัทธา กลับเป็นเหตุให้เกิดความรำคาญและไม่เชื่อถือ


แนวทางของสัตบุรุษ: ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

หากเราพิจารณาตรงกันข้ามกับลักษณะทั้ง ๔ ของอสัตบุรุษ ก็จะเห็นแนวทางแห่งการเป็นสัตบุรุษ คือ:

  • ไม่กล่าวร้ายผู้อื่นแม้รู้
  • กล้าชมความดีของผู้อื่นอย่างจริงใจ
  • ยอมรับความผิดของตนเมื่อต้องรับผิดชอบ
  • ไม่โอ้อวด แม้มีคุณงามความดี

พุทธวจนคือกระจกสะท้อนตน

หลักธรรมนี้เป็นเครื่องเตือนสติให้เรากลับมาสำรวจการพูดและเจตนาเบื้องหลังคำพูดของเราในชีวิตประจำวัน บางครั้งเราอาจตกอยู่ในพฤติกรรมแบบอสัตบุรุษโดยไม่รู้ตัว เช่น การวิจารณ์ผู้อื่นเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตนเอง การพูดอ้อมค้อมเพื่อปกปิดความผิด หรือการอยากให้คนอื่นยอมรับเรามากเกินไปจนต้องโอ้อวด

การศึกษาธรรมจากพุทธวจนคือการเปิดกระจกแห่งจิตใจ เพื่อมองเห็นสิ่งที่ควรปรับปรุง ไม่ใช่เพื่อโทษตนเอง แต่เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น


สรุป

คำว่า "อสัตบุรุษ" ไม่ใช่แค่คำตำหนิ แต่เป็นเครื่องมือในการวัดตนเองว่าเรายังมีพฤติกรรมแบบนั้นอยู่หรือไม่ การรู้เท่าทันและละวางจากนิสัยเหล่านี้ คือก้าวแรกของการพัฒนาไปสู่ความเป็น "สัตบุรุษ" ซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งการดำเนินชีวิตตามทางพุทธะ


พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[ลักษณะการพูดของอสัตบุรุษ]

-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓. 
 
ภิกษุทั้งหลาย !  บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นที่รู้กันว่า เป็น อสัตบุรุษ. ๔ ประการ อย่างไรเล่า ?  ๔ ประการ คือ :- 
 
(๑) ภิกษุทั้งหลาย !  อสัตบุรุษในกรณีนี้ แม้ไม่มีใครถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็นำมาเปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึง ความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่มีทางหลีกเลี้ยวลดหย่อน แล้วกล่าวความไม่ดีของผู้อื่นอย่างเต็มที่โดยพิสดาร. ภิกษุทั้งหลาย !  ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ. 
 
(๒) ภิกษุทั้งหลาย !  อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ถูกใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อนไขว้เขว แล้วกล่าวความดีของผู้อื่นอย่างไม่พิสดารเต็มที่.  ภิกษุทั้งหลาย !  ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ. 
 
(๓) ภิกษุทั้งหลาย !  อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ปกปิดไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อนไขว้เขว แล้วกล่าวความไม่ดีของตนอย่างไม่พิสดารเต็มที่.  ภิกษุทั้งหลาย !  ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ. 
 
(๔) ภิกษุทั้งหลาย !  อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ไม่มีใครถามถึงความดีของตน ก็นำมาโอ้อวดเปิดเผย จะต้องกล่าวทำไมถึงเมื่อถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่ลดหย่อนหลีกเลี้ยว กล่าวความดีของตนอย่างเต็มที่โดยพิสดาร.  ภิกษุทั้งหลาย !  ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า
คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ. 
 
ภิกษุทั้งหลาย !  บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล
เป็นที่รู้กันว่า เป็น อสัตบุรุษ.  

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *