นิทานก่อนนอน, นิทานวิทยาศาสตร์ 🧪

[BTSR]: จักรวาลของมดน้อย

จักรวาลของมดน้อย

ในป่าลึกแห่งหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและลำธารใสเย็น มดตัวหนึ่งชื่อว่า “มดน้อยอิงอิง” อาศัยอยู่ในรังที่อบอุ่นของมัน อิงอิงเป็นมดที่ช่างสังเกตและชอบตั้งคำถาม ทุกครั้งที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน มันจะสงสัยว่า “ดวงดาวเหล่านั้นคืออะไร? ทำไมพวกมันถึงส่องแสงระยิบระยับ? และจะเป็นไปได้ไหมที่โลกของเราเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในจักรวาลที่ยิ่งใหญ่นี้?”

อิงอิงมักใช้เวลายามค่ำคืนพูดคุยกับตัวเองเกี่ยวกับดวงดาว มันคิดว่าดวงดาวเหล่านั้นอาจจะเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหมือนมัน หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่าที่มันเคยจินตนาการ วันหนึ่ง ขณะที่อิงอิงเดินเก็บเศษใบไม้เพื่อสร้างรังใหม่ มันบังเอิญพบกับแมลงเต่าทองชรา ซึ่งมีชื่อว่า “ปู่ดาวเคราะห์” ปู่ดาวเคราะห์เป็นแมลงที่เล่าขานกันว่าได้เดินทางข้ามผืนป่าและทุ่งหญ้ามาไกลที่สุดในหมู่แมลงทั้งปวง เมื่ออิงอิงเล่าให้ปู่ฟังถึงความสงสัยในใจ ปู่ก็ยิ้มอบอุ่นและพูดว่า “ถ้าเจ้าต้องการรู้จักจักรวาล เจ้าอาจต้องออกเดินทางไปให้ไกลกว่าแค่ป่าของเรา”

มดน้อยอิงอิงรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็กังวลใจ “แต่ข้าตัวเล็กนัก ข้าจะเดินทางไกลได้อย่างไร?”

ปู่ดาวเคราะห์ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มอ่อนโยน “เจ้าไม่ต้องเป็นใหญ่โตเพื่อที่จะค้นพบสิ่งยิ่งใหญ่หรอก ความกล้าและความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าต่างหากที่สำคัญกว่า”

คืนนั้นเอง อิงอิงตัดสินใจว่า มันจะออกเดินทางสู่จักรวาลของตัวเอง มันเก็บใบไม้บาง ๆ เพื่อใช้เป็นแผ่นบันทึกการเดินทางและกล่าวลาครอบครัวในรังมดอย่างอบอุ่น ก่อนออกเดินทางมันมองขึ้นไปบนฟ้าและกล่าวกับตัวเองว่า “การเดินทางครั้งนี้จะพาเราไปสู่สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”


การเดินทางของมดน้อย

อิงอิงเริ่มออกเดินทางไปยังที่ที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน ระหว่างทางมันพบกับเพื่อนใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อเจ้าปัญญาที่บอกมันเกี่ยวกับกลไกของการบินและแรงลม หรือแมงมุมที่สอนมันเกี่ยวกับการสร้างเส้นใยที่แข็งแรงจากของเหลวเล็ก ๆ ในร่างกายตัวเอง อิงอิงเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัว มันเริ่มเข้าใจว่าโลกใบนี้ซับซ้อนกว่าที่มันเคยคิดไว้มาก

วันหนึ่ง มันมาถึงลำธารใสที่สะท้อนแสงดาว อิงอิงหยุดพักและมองดูดวงดาวระยิบระยับบนฟ้า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันเริ่มสร้าง “กล้องดูดาว” จากหยดน้ำใสและเปลือกหอยเล็ก ๆ ด้วยความช่วยเหลือจากหอยทากนักประดิษฐ์ เมื่อมันมองผ่านกล้อง มันสังเกตเห็นดวงจันทร์ที่มีพื้นผิวขรุขระและดวงดาวที่ดูเหมือนอยู่ไกลออกไปไม่รู้จบ มันตื่นเต้นจนลืมเหนื่อยและเริ่มจดบันทึกทุกอย่างลงในใบไม้ของมัน

แม้ว่าอิงอิงจะตัวเล็ก แต่จิตใจของมันกลับยิ่งใหญ่ มันเริ่มจดบันทึกสิ่งที่ค้นพบในแผ่นใบไม้ทุกวัน อิงอิงตั้งชื่อกลุ่มดวงดาวที่มันเห็นในแต่ละคืนว่า “รังแห่งจักรวาล” มันจินตนาการว่าดวงดาวเหล่านั้นเป็นที่อยู่ของมดตัวอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาเหมือนมัน อิงอิงยังได้เรียนรู้จากแมลงปอซึ่งเล่าให้ฟังว่า โลกนี้มีแรงลมและแสงอาทิตย์ที่ช่วยสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติทั้งหมด


ข้อคิดจากการเดินทาง

ระหว่างการเดินทาง อิงอิงได้เรียนรู้ว่าจักรวาลไม่ได้มีเพียงดวงดาวและโลกใบนี้ แต่มันรวมถึงทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ทั้งสิ่งที่เห็นและมองไม่เห็น มันตระหนักว่าความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ขนาดของตัวเองหรือระยะทางที่เดินไป แต่คือสิ่งที่มันเรียนรู้และความมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป

อิงอิงยังได้พบกับแมลงชราอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “ตาพฤกษา” ตาพฤกษาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเวลาที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และบอกว่า “จักรวาลไม่ได้อยู่แค่ในฟ้าเบื้องบน แต่มันยังอยู่ในหัวใจของเจ้าด้วย”

เมื่ออิงอิงกลับมาถึงบ้าน มันได้แบ่งปันเรื่องราวการเดินทางกับเพื่อนมดในรัง พวกมดต่างตื่นเต้นและเริ่มสร้างกล้องดูดาวของตัวเองด้วยแรงบันดาลใจจากอิงอิง ทุกคืนพวกมันจะมองขึ้นไปบนฟ้าและตั้งคำถามเหมือนกับที่อิงอิงเคยทำ และรังของมดในป่าก็กลายเป็นที่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาเกี่ยวกับจักรวาล


บทสรุป

มดน้อยอิงอิงสอนเราว่า ไม่ว่าเราจะเล็กเพียงใดหรืออยู่ในมุมใดของโลก ความอยากรู้อยากเห็นและความกล้าหาญที่จะสำรวจโลกใบนี้จะพาเราไปสู่จักรวาลที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ และในท้ายที่สุด จักรวาลนั้นอาจไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่มันเริ่มต้นจากใจของเรานั่นเอง การเดินทางของอิงอิงจึงไม่ใช่แค่การค้นหาคำตอบของดวงดาว แต่เป็นการค้นพบว่าทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกันอย่างมหัศจรรย์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *