นิทานก่อนนอน, นิทานก่อนนอนเรื่องยาว ๆ 📖

[BTSR]: เด็กหญิงผู้ค้นพบดวงดาว

เด็กหญิงผู้ค้นพบดวงดาว

นานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงเสียดฟ้าและท้องฟ้ากว้างใหญ่ มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า “มิลลี่” มิลลี่เป็นเด็กหญิงที่มีดวงตาสดใสและจินตนาการที่ไม่สิ้นสุด เธอมักจะชอบนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน และคิดว่าสักวันหนึ่งเธอจะค้นพบความลับของดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่เบื้องบน

ในคืนหนึ่งที่ฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงจันทร์ มิลลี่นั่งอยู่บนเนินเขาหลังหมู่บ้าน เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ขณะนั้นเอง ดาวดวงหนึ่งที่สว่างกว่าดวงอื่นๆ ได้ร่วงลงมาจากฟ้า พร้อมเสียงแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบ มิลลี่รู้สึกเหมือนดวงดาวเรียกเธอ เธอรีบวิ่งไปยังที่ที่ดาวตก

เมื่อมิลลี่มาถึง เธอพบหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ในพุ่มไม้ หินนั้นอุ่นราวกับมีชีวิต มิลลี่อุ้มมันขึ้นมาในมือ และทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงเบาๆ ในใจ “ข้าเป็นดวงดาวผู้หลงทาง ช่วยพาข้ากลับบ้านด้วยเถอะ” มิลลี่ตื่นตะลึงแต่ก็ยินดีที่ได้พบสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ เธอสัญญากับดวงดาวว่าจะช่วยนำทางมันกลับไปยังที่ที่มันจากมา

มิลลี่เริ่มต้นการเดินทางของเธอ เธอเดินผ่านป่าไม้ ลำธาร และภูเขา ทุกที่ที่เธอไป ดวงดาวในมือของเธอจะส่งแสงนำทาง และกระซิบบอกเธอถึงทิศทางที่ถูกต้อง แต่การเดินทางไม่ได้ราบรื่นเสมอไป บางครั้งเธอต้องเผชิญกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ หรือต้องหลบซ่อนจากสัตว์ป่าที่น่ากลัว แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเธอรู้ว่าความมุ่งมั่นของเธอจะนำพาดวงดาวกลับสู่ที่ที่มันควรอยู่

วันหนึ่ง ระหว่างที่เธอกำลังพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เธอได้พบชายชราแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูเหมือนจะทำจากแสงดาว ชายชรานั้นเรียกตัวเองว่า “ผู้เฝ้าดาว” และบอกกับมิลลี่ว่า การที่ดวงดาวตกลงมาเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ “เด็กน้อย” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้ามีหัวใจที่กล้าหาญและจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ นี่คือภารกิจที่ดวงดาวเลือกให้เจ้า เจ้าจะต้องพามันกลับไปยังจุดกำเนิดของมัน ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูงสุดที่เรียกว่ายอดเขาพราวแสง”

มิลลี่รู้ว่าการเดินทางยังอีกยาวไกล แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมแพ้ เธอเดินทางต่อไปพร้อมกับกำลังใจจากคำพูดของผู้เฝ้าดาว และในระหว่างทาง เธอได้พบเพื่อนร่วมเดินทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระรอกน้อยที่ชอบเล่าเรื่องตลก นกฮูกผู้ฉลาดเฉลียว และลมเย็นที่คอยกระซิบบอกเธอถึงอุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้า

เมื่อถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง มิลลี่มองเห็นยอดเขาพราวแสงอยู่เบื้องหน้า เธอต้องปีนขึ้นไปอย่างยากลำบาก หินที่ลาดชันและลมแรงทำให้เธอแทบจะถอยกลับ แต่เธอก็ไม่ยอม เธอปีนขึ้นไปทีละก้าวจนในที่สุด เธอก็มาถึงจุดสูงสุด

บนยอดเขา เธอพบวงกลมแห่งแสงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดวงดาวในมือของเธอส่องแสงสว่างไสวราวกับดีใจที่ได้กลับบ้าน มิลลี่วางดวงดาวลงในวงกลมแห่งแสงนั้น และทันใดนั้น ดวงดาวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับปล่อยแสงสว่างที่งดงามปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมด

มิลลี่ยืนมองท้องฟ้าด้วยความอิ่มเอมใจ เธอรู้ว่าเธอได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมีความหมาย และในใจของเธอ เธอรู้ว่าไม่ว่าชีวิตจะพาเธอไปที่ไหน เธอก็จะยังคงกล้าหาญและเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้าน มิลลี่เล่าเรื่องการผจญภัยของเธอให้ทุกคนฟัง และจากวันนั้นเป็นต้นมา ผู้คนในหมู่บ้านก็เริ่มมองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง พวกเขาเริ่มเห็นว่าดวงดาวแต่ละดวงมีความหมาย และบางที การเดินตามแสงของมันอาจนำพาเราสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราเคยคาดคิด

ข้อคิดจากนิทาน: ความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเองสามารถพาเราไปสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ แม้จะมีอุปสรรคและความลำบากก็ตาม และในบางครั้ง การช่วยเหลือผู้อื่นหรือสิ่งเล็กๆ รอบตัว อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกของเราให้สวยงามยิ่งขึ้น.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *