นิทานก่อนนอน, นิทานที่ให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม 🎭

[BTSR]: ปริศนาแห่งแสงจันทร์

นิทานก่อนนอน [BTSR] : ปริศนาแห่งแสงจันทร์

แสงจันทร์ที่แปลกไป

คืนหนึ่งที่หมู่บ้านกลางป่าอันเงียบสงบ เด็ก ๆ ทุกคนกำลังนอนหลับฝันดี ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่าง ทว่าในยามเที่ยงคืน แสงจันทร์กลับริบหรี่ลงจนแปลกตา เหลือเพียงแสงบาง ๆ ที่พอให้เห็นเงาต้นไม้ใหญ่ในหมู่บ้าน

เช้าวันรุ่งขึ้น เด็ก ๆ ในหมู่บ้านเริ่มสังเกตว่าแสงจันทร์เมื่อคืนไม่เหมือนเดิม พวกเขาตื่นเต้นและสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงไปหาปู่เกล็น นักปราชญ์แห่งหมู่บ้านผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับของธรรมชาติ

“ปู่เกล็นครับ แสงจันทร์เมื่อคืนดูแปลกไป มันเหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นบนฟ้าใช่ไหมครับ?” เด็กน้อยชื่อทิมถามด้วยความอยากรู้

ปู่เกล็นลูบเคราอย่างครุ่นคิดก่อนตอบว่า “อาจจะมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงจันทร์จริง ๆ แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการหาคำตอบ ก็ต้องร่วมมือกันแก้ปริศนาแห่งแสงจันทร์นี้”

เด็ก ๆ ต่างพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ปู่เกล็นจึงให้เบาะแสแรกแก่พวกเขา: “พวกเจ้าต้องเดินทางไปที่บึงน้ำใสใต้ต้นสนเก่าแก่ ที่นั่นมีดวงดาวที่ซ่อนความลับของแสงจันทร์ไว้”


เบาะแสที่บึงน้ำใส

เมื่อเด็ก ๆ เดินทางไปถึงบึงน้ำใส พวกเขาพบว่าพื้นน้ำสะท้อนภาพดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นคือข้อความที่ปรากฏขึ้นเมื่อพวกเขาโยนก้อนหินเล็ก ๆ ลงไปในบึง ข้อความเขียนว่า:

“ตามหาเงาของพระจันทร์ที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ทองคำ”

เด็ก ๆ มองหน้ากันด้วยความงุนงงก่อนที่ลิลลี่ เด็กสาวผู้ฉลาดที่สุดในกลุ่ม จะเสนอความคิด “ต้นไม้ที่มีใบไม้สีทองอาจจะอยู่ในทุ่งหญ้าที่แสงจันทร์ส่องถึงทุกคืน เราควรไปที่นั่น!”

พวกเขาออกเดินทางข้ามทุ่งหญ้าที่ปกคลุมด้วยหมอกบาง ๆ ระหว่างทางพวกเขาได้เห็นสัตว์ป่าเล็ก ๆ อย่างกวางและกระต่ายที่ดูเหมือนกำลังเฝ้าดูพวกเขาด้วยความสงสัย เมื่อพวกเขามาถึงต้นไม้ใหญ่ที่มีใบไม้สีทองวิบวับตามคำใบ้ ลิลลี่สังเกตเห็นว่ามีเงาจาง ๆ ของพระจันทร์ที่สะท้อนอยู่ในบ่อน้ำใต้ต้นไม้ เมื่อพวกเขามองลงไปในน้ำ กลับพบคำใบ้ใหม่:

“เสียงเพลงแห่งแสงจะนำทาง”


การตามหาเสียงเพลงแห่งแสง

ทิมตื่นเต้นจนรีบพูดขึ้น “เสียงเพลงแห่งแสงอาจหมายถึงการค้นหาเสียงดนตรีบางอย่างในหมู่บ้าน!”

เด็ก ๆ กลับมาที่หมู่บ้านและฟังเสียงต่าง ๆ ในยามค่ำคืน พวกเขาเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ ที่มีบ้านหลังน้อยเรียงราย เมื่อเงียบฟัง พวกเขาเริ่มได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงขลุ่ยแผ่วเบาแต่งดงามดังมาจากทางป่าลึก เสียงนั้นไพเราะจนทุกคนอดที่จะเดินตามไม่ได้

พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า เจอกับแสงหิ่งห้อยที่เต้นระบำไปมาตามจังหวะเสียงเพลง จนกระทั่งพวกเขาพบชายลึกลับในชุดคลุมสีเงิน ผู้เป่าเพลงขลุ่ยใต้แสงจันทร์ ชายลึกลับยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ามาถูกทางแล้ว ถ้าต้องการแก้ปริศนาแห่งแสงจันทร์ จงฟังคำสุดท้ายจากเสียงเพลงของข้า”


คำตอบของปริศนา

เสียงขลุ่ยท่วงทำนองสุดท้ายบอกเบาะแสว่า “จันทร์ต้องการความรักและการดูแลจากผู้คน หากพวกเจ้าส่งคำอธิษฐานขึ้นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แสงจันทร์จะกลับคืนมา”

เด็ก ๆ จึงช่วยกันส่งคำอธิษฐานจากใจ พวกเขาเริ่มด้วยการนั่งล้อมวงใต้ต้นไม้ใหญ่และกล่าวคำขอบคุณต่อธรรมชาติ ทุกคำอธิษฐานถูกส่งผ่านลมเย็นที่พัดพาไปสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ทันใดนั้น แสงจันทร์ที่เคยริบหรี่กลับสว่างสดใสอีกครั้ง พร้อมประกายที่เปล่งปลั่งเหมือนสัญญาณแห่งความหวัง พวกเขารู้สึกถึงพลังของความสามัคคีและความบริสุทธิ์ในใจที่ช่วยกันคืนชีวิตให้แก่แสงจันทร์


ความทรงจำแห่งแสงจันทร์

จากวันนั้น เด็ก ๆ และชาวหมู่บ้านไม่เคยลืมว่าธรรมชาติรอบตัวต้องการความรักและการดูแลเสมอ พวกเขาต่างช่วยกันรักษาความงดงามของหมู่บ้าน พวกเด็ก ๆ ใช้เวลาช่วงเย็นในการปลูกต้นไม้ใหม่ และจัดงานเล็ก ๆ เพื่อเฉลิมฉลองคืนพระจันทร์เต็มดวงเป็นประจำ ทุกคนรู้ว่าความสุขและความสามัคคีคือสิ่งที่ทำให้แสงจันทร์ส่องสว่างได้อย่างแท้จริง

คืนพระจันทร์เต็มดวงในครั้งต่อไป แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างด้วยความอบอุ่นเหมือนเดิม ทว่าในใจของทุกคน มันเป็นแสงที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและความทรงจำอันล้ำค่า


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *