[BTSR]: ปราสาทแห่งฟองสบู่
ในดินแดนที่ไม่มีใครเคยเห็นซึ่งอยู่ลึกลงไปในใจกลางมหาสมุทร มีตำนานเล่าขานถึง “ปราสาทแห่งฟองสบู่” ปราสาทนี้เป็นที่เลื่องลือถึงความงามวิจิตรที่ลอยละล่องและเปลี่ยนสีตามแสงตะวัน เมื่อแสงส่องกระทบฟองสบู่แต่ละฟอง จะเกิดประกายรุ้งระยิบระยับเหมือนกับดวงดาวที่เต้นระบำในน้ำใส เสียงเพลงแผ่วเบาล่องลอยไปทั่วมหาสมุทร เสียงนี้ว่ากันว่าเป็นเสียงของเจ้าหญิงแห่งปราสาท ผู้ซึ่งดูแลสถานที่นี้มาหลายชั่วอายุคน
ณ ที่แห่งนี้ มีเจ้าหญิงนามว่า “ลูน่า” ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจิตใจบริสุทธิ์ เธอมีพลังพิเศษที่สามารถควบคุมฟองสบู่ได้ ด้วยฟองสบู่ที่เธอสร้าง เธอช่วยรักษาสัตว์น้ำที่บาดเจ็บ ปลอบโยนสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ และสร้างเสียงเพลงที่ก้องกังวานไปทั่วท้องทะเล ฟองสบู่เหล่านี้ไม่ใช่ฟองธรรมดา แต่เป็นฟองแห่งชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความหวังและความรัก
วันหนึ่ง ฟองสบู่ของลูน่าเริ่มสูญเสียความส่องประกาย เธอเริ่มสังเกตว่าท้องทะเลเงียบเหงาและหม่นหมอง เหล่าสัตว์น้ำต่างพากันวิตกกังวล พวกเขาเล่าว่า “เงาแห่งความเศร้า” ได้ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนใกล้เคียง เงานี้ดูดกลืนความสุขและสีสันจากทุกสิ่งที่มันสัมผัส ท้องทะเลที่เคยสว่างไสวกลับกลายเป็นมืดมน ลูน่าตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหาสาเหตุและหยุดยั้งเงาแห่งความเศร้า เธอไม่สามารถปล่อยให้ท้องทะเลที่เธอรักตกอยู่ในความทุกข์เช่นนี้
การเดินทางของลูน่าเริ่มต้นขึ้น เธอพาฟองสบู่ที่สว่างไสวที่สุดของเธอเป็นเพื่อนร่วมทาง ขณะที่เธอผ่านแนวปะการังและหุบเขาใต้น้ำ เธอพบกับสิ่งมีชีวิตมากมายที่เล่าถึงความหวาดกลัวและความสูญเสีย เธอใช้ฟองสบู่ของเธอในการปลอบโยนและคืนความหวังให้กับพวกเขา จนกระทั่งเธอมาถึงถ้ำมืดลึก ที่ซึ่งเธอพบกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน นั่นคือ “เงาดำ” มันไม่ได้เป็นศัตรู แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หลงทาง เงาดำมีรูปร่างที่แผ่ความมืดมิดออกมา แต่ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความว่างเปล่า
มันเล่าว่ามันเคยมีสีสันสดใสเช่นเดียวกับฟองสบู่ของลูน่า แต่เมื่อมันสูญเสียความหวังและถูกทอดทิ้ง สีสันของมันก็จางหายไป และมันก็เริ่มดูดกลืนความสุขจากสิ่งรอบตัวโดยไม่รู้ตัว มันไม่ได้อยากทำร้ายใคร แต่มันไม่รู้ว่าจะหยุดอย่างไร ลูน่ารับฟังด้วยความเข้าใจ เธอรู้ดีว่าความเศร้าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่เธอก็รู้ว่าความเศร้านั้นสามารถถูกแทนที่ด้วยความหวังได้ เธอกล่าวว่า “ไม่เป็นไรที่เธอจะรู้สึกเศร้า แต่จงจำไว้ว่าความสุขไม่ได้หายไป มันเพียงแค่รอให้เราเปิดใจมองหาอีกครั้ง”
ด้วยคำพูดของเธอ ลูน่าเริ่มสร้างฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุด เธอใช้พลังทั้งหมดของเธอในการสร้างฟองสบู่นี้ ซึ่งส่องประกายด้วยแสงสีรุ้งและเสียงเพลงที่อ่อนโยน ฟองสบู่ที่เธอสร้างได้ห่อหุ้มเงาดำไว้ เงาดำนั้นค่อย ๆ กลับมามีสีสันอีกครั้งด้วยพลังแห่งความรักและความเข้าใจ มันเริ่มหัวเราะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และมันก็ขอบคุณลูน่าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข
เมื่อกลับถึงปราสาทแห่งฟองสบู่ แสงสว่างได้กลับมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ปราสาทจะส่องประกาย แต่ฟองสบู่ใหม่ ๆ ได้เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเหล่าสัตว์น้ำ ทุกชีวิตใต้ทะเลต่างมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง ลูน่าเรียนรู้ว่า แม้ความเศร้าจะมาเยือน แต่ความหวังและความเข้าใจจะช่วยให้เรากลับมายิ้มได้เสมอ เธอแบ่งปันบทเรียนนี้ให้กับทุกคนที่พบเจอ และปราสาทแห่งฟองสบู่ได้กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบสุขอีกครั้ง
ตั้งแต่นั้นมา “ปราสาทแห่งฟองสบู่” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังสำหรับทุกชีวิตใต้ท้องทะเล ใครก็ตามที่ได้ยินเรื่องราวของลูน่า จะรู้ว่าทุกความเศร้ามีหนทางกลับคืนสู่ความสุข หากเราพร้อมที่จะเปิดใจและแบ่งปันความรักแก่กัน และปราสาทแห่งนี้จะยังคงส่องประกายต่อไป เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าไม่มีความเศร้าใดที่ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความรักและความเข้าใจ