พุทธวจน

ผู้ชี้ขุมทรัพย์คือใคร? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด

ภาพพระพุทธเจ้าชี้ขุมทรัพย์แก่ชายผู้มีความเคารพ

สารบัญ

ในโลกยุคใหม่ เรามักหลีกเลี่ยงคำตำหนิและโทษว่าจากผู้อื่น เพราะมันเจ็บและกระทบอัตตา แต่ในทางกลับกัน พระพุทธเจ้ากลับตรัสว่า “ผู้ใดชี้โทษ คนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์” — ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คำตำหนิที่ถูกต้องจากบัณฑิต กลายเป็นของขวัญล้ำค่ายิ่งกว่าเงินทองได้อย่างไร?


พุทธวจนต้นฉบับที่เกี่ยวข้อง

พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า:

“อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอมเหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้...
ควรมองผู้มีปัญญาที่คอยชี้โทษ ว่าคนนั้นคือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์... ย่อมมีแต่ดี ไม่มีเลวเลย”

– อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖, ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖


ผู้ชี้โทษ คือผู้มีเมตตาแท้จริง

ในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า การตำหนิ การชี้โทษ และการขนาบ เป็นเครื่องมือของบัณฑิตผู้มีเมตตา ไม่ใช่เพื่อทำลาย แต่เพื่อ ขุดความโง่เขลาออกจากใจ เปรียบเสมือนการขุดทองในดินลึก — เจ็บตอนแรก แต่ได้ของล้ำค่าในภายหลัง


มรรคผลเป็นแก่นสาร คืออะไร?

การที่พระองค์กล่าวว่า “ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้” นั้น หมายถึง ผู้ที่จริงจังต่อเป้าหมายแห่งการหลุดพ้น จะไม่หวั่นไหวกับคำตำหนิ เพราะรู้ว่านั่นคือทางลัดสู่การพัฒนาตนเองให้พ้นจากทุกข์ ไม่ใช่คนที่แค่แสวงหาความสุขปลอมๆ ในคำสรรเสริญ


บัณฑิตผู้ชี้โทษ = ครูที่แท้

พระองค์ทรงเน้นว่า “ควรมองผู้ชี้โทษ ว่าคนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์” เป็นการเปลี่ยนมุมมองจาก “คำตำหนิ = สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง” ไปสู่ “คำตำหนิจากผู้มีปัญญา = แสงสว่างแห่งมรรคผล”


ปฏิบัติอย่างไรเมื่อถูกชี้โทษ?

  1. มีสติรับฟังโดยไม่โต้แย้ง

  2. ไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล — ดูว่าเนื้อหาที่เขากล่าวมีความจริงแค่ไหน

  3. นำไปปฏิบัติหรือปรับปรุง — อย่าเก็บไว้เป็นเพียงคำผ่านหู


อย่าเลือกคบคนที่ “ชมแต่ไม่ชี้โทษ”

ในยุคโซเชียลที่เน้นการให้กำลังใจแบบปลอบใจ (toxic positivity) เรากำลังเสี่ยงคบกับ "คนไม่กล้าพูดความจริง" มากเกินไป พระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า “เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย”


สรุป: ชีวิตที่พัฒนาได้ เริ่มจากการ "เปิดใจรับโทษ"

ผู้ที่ใฝ่หามรรคผลควรเปิดใจรับคำตำหนิ เพราะนั่นคือแสงไฟนำทางจากบัณฑิต ไม่ใช่เปลวไฟเผาทำลาย ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ได้เริ่มจากการมีคนชม แต่เริ่มจากมี “ผู้กล้าพูดความจริง”


🔗 บทความอื่นที่น่าสนใจ:


📚 แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน เล่มเล็ก ฉบับที่ ๑ ตามรอยธรรม)

[๒ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ !]

-บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖.
-บาลี ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖. 
 
อานนท์ !  เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอมเหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อ ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่  อานนท์ !  เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด  อานนท์ !  เราจักชี้โทษแล้ว  ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร  ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
คนเรา  ควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ  คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป  ว่าคนนั้นแหละ  คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว  ไม่มีเลวเลย.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *