พุทธวจน

ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๒)

ภิกษุกำลังนั่งสมาธิ ท่ามกลางสิ่งเร้าที่ปุถุชนพึงเว้นในพระธรรมวินัย

สารบัญ

 

ศีลของภิกษุ: แดนแห่งการสละ ไม่ใช่การสะสม

ในยุคที่ผู้คนแสวงหาความสุขจากการครอบครอง สิ่งเร้า และความบันเทิง การละวางกลายเป็นเรื่องห่างไกลความเข้าใจของปุถุชนทั่วไป แต่ในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า “ศีลของภิกษุ” กลับเป็นการวางรากฐานของชีวิตที่ตั้งอยู่บนความสละ — ไม่ใช่เพื่อบำเพ็ญความลำบากทรมาน แต่เพื่อเปิดทางให้จิตหลุดพ้นจากพันธะทั้งปวง

ในพระสูตร สีลขันธวรรค ทีฆนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสถึง “ภิกษุผู้มีศีล” ไว้อย่างชัดเจนว่า มิใช่เพียงผู้ที่งดเว้นการทำบาปธรรมขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังงดเว้นแม้สิ่งที่ดูเหมือนไม่ผิดศีลสำหรับฆราวาส เพราะศีลของภิกษุคือ "เขตแดนแห่งความสะอาดทางใจ" ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก

หลักธรรมสำคัญจากพระสูตร

1. การฉันอาหารอย่างรู้จักพอ

“เป็นผู้ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว เว้นจากการฉันในราตรีและวิกาล”

นี่มิใช่เพียงเรื่องสุขภาพ แต่เป็นการฝึกใจให้ไม่ติดรส ไม่หลงในความสุขจากการกิน เป็นการฝึกตัดตัณหาอย่างแยบคาย

2. เว้นจากความบันเทิงและการประดับประดา

“เว้นจากการฟ้อนรำ การขับร้อง การดูการเล่น เครื่องประดับ มาลา ของหอม”

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้าศึกแก่กุศล เพราะทำให้ใจเคลื่อนออกนอก ไม่ตั้งมั่นในธรรม

3. ไม่ยึดติดในทรัพย์และการครอบครอง

“เว้นจากการรับเงินทอง ข้าวเปลือก เนื้อดิบ หญิงชาย ทาสสัตว์ ที่นา สวน”

การเว้นจากสิ่งเหล่านี้คือการตัดความเกี่ยวข้องกับโลกธรรมอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้จิตไม่ตกอยู่ในอำนาจของโลภะ

4. ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้าหรือกลอุบายทางธุรกิจ

“เว้นจากการเป็นทูต การซื้อขาย การโกงด้วยตาชั่ง การลวงด้วยของปลอม”

เพราะแม้เพียงเจตนาแฝงเพื่อล่อลวง ก็ถือเป็นอกุศลที่พึงเว้นในระดับภิกษุ

5. เว้นจากการเบียดเบียนทุกชนิด

“เว้นจากการตัด การฆ่า การปล้น การกรรโชก”

นี่เป็นศีลขั้นพื้นฐาน แต่ในหมู่ภิกษุคือการเป็น “ผู้อยู่ร่วมโดยไม่เบียดเบียนแม้แต่ความคิด” ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการพ้นทุกข์

ทำไมต้องละเอียดถึงเพียงนี้?

ศีลของภิกษุไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความเรียบร้อยของสังคมสงฆ์ หากแต่คือ “เครื่องกลั่นจิต” ให้ใสสะอาด เปิดทางให้จิตเข้าสู่สมาธิและปัญญาอย่างไม่ขัดข้อง พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเพียงว่า “ไม่ผิด” ก็พอ แต่สอนให้เว้นแม้สิ่งที่เป็น “แดนของความประมาท”

ศีลคือฐานแห่งมรรค

จากพระสูตรนี้สะท้อนชัดว่า ศีลเป็นฐานสำคัญของมรรคทั้งแปด เป็นรากแก้วที่ทำให้สัมมาสมาธิและสัมมาปัญญาเติบโตได้ ถ้าไม่มีศีล แม้จะนั่งสมาธินานเท่าใด ปัญญาก็อาจกลายเป็นความลวง

สรุป: ชีวิตผู้สละเพื่อละสมมุติ

ภิกษุผู้มีศีลไม่ใช่ผู้ทรมานตน แต่คือผู้เข้าใจในกฎแห่งธรรมดาแห่งตัณหาและทุกข์ และเลือกจะไม่เอาตัวเองไปผูกพันกับสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์นั้น นี่จึงเป็นเหตุให้ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงเว้นจากทุกสิ่งที่อาจเป็นเชื้อเพลิงของสังสารวัฏ แม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว


🔗 บทความอื่นที่น่าสนใจ:

📚 แหล่งอ้างอิง:

 

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน เล่มเล็ก ฉบับที่ 9 ปฐมธรรม)

[๑๒๓ ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๒)]

-บาลี สี. ที. ๙/๘๓/๑๐๓.
 
มหาราชะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ 
เป็นผู้ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว, เว้นจาก การฉันในราตรีและวิกาล, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการฟ้อนรำ การขับร้อง การประโคมและการดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกแก่กุศล, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการประดับประดา คือทัดทรงตกแต่งด้วยมาลาและของหอมและเครื่องลูบทา, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับเงินและทอง, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับข้าวเปลือก, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับหญิงและเด็กหญิง, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับทาสหญิงและทาสชาย, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับแพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ทั้งผู้และเมีย, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับที่นาและที่สวน, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการรับใช้เป็นทูตไปในที่ต่างๆ, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการซื้อและการขาย, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การลวงด้วยของปลอมและการฉ้อด้วยเครื่องนับ, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการโกงด้วยการนับสินบนและล่อลวง, 
เป็นผู้เว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจำจอง การซุ่มทำร้าย การปล้นและการกรรโชก, 
แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง, 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *