พุทธวจน

เข้าใจทุกข์จากจุดเริ่มต้น: ผัสสะคือเหตุแห่งทุกข์

พระพุทธเจ้าในสมาธิท่ามกลางความทุกข์ที่เกิดจากผัสสะ

สารบัญ

คุณเคยรู้สึกไหมว่า...บางครั้งแค่คำพูดของใครบางคน หรือเหตุการณ์เพียงชั่วขณะ ก็สามารถทำให้ทั้งวันของเราหนักอึ้ง รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกทุกข์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ?

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ในพุทธวจน พระพุทธเจ้าทรงชี้อย่างชัดเจนว่า “ผัสสะ” หรือการกระทบระหว่างอายตนะ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) กับอารมณ์ทั้งหลาย คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึก และ เป็นเหตุให้ “ทุกข์” เกิดขึ้นเสมอ


ผัสสะ คืออะไร?

“อานนท์! ความทุกข์นั้น เรากล่าวว่า เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเกิดขึ้น...อาศัยปัจจัยคือ ‘ผัสสะ’...”
— พุทธวจน, นิทาน. สํ. ๑๖/๔๐/๗๕.

ผัสสะ คือ การประจวบพร้อม ของอายตนะภายใน (เช่น จักขุ = ตา) กับอายตนะภายนอก (เช่น รูป) และวิญญาณ (เช่น จักขุวิญญาณ) รวมเรียกว่า สัมผัส

ตัวอย่าง: เมื่อ “ตา” เห็น “รูป” แล้วเกิด “การรับรู้” เรียกว่า “จักขุสัมผัส” หรือผัสสะทางตา


ทุกข์ไม่อาจเกิดได้ หากไม่มี “ผัสสะ”

แม้กระทั่งแนวคิดของนักบวชหรือศาสนาอื่น ที่ว่าทุกข์เกิดจาก...

  1. การกระทำของตนเอง

  2. ผู้อื่นกระทำให้

  3. ทั้งตนและผู้อื่นร่วมกันกระทำ

  4. เกิดขึ้นเองโดยไม่มีผู้กระทำ

ทั้งหมด ยังคงต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัยจึงจะเกิดทุกข์ได้ หากไม่มีผัสสะ ย่อมไม่มีเวทนา และจึงไม่มีทุกข์ตามลำดับปฏิจจสมุปบาท.


การเกิดของทุกข์ตามสายปฏิจจสมุปบาท

“เพราะมีผัสสะ เป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะมีเวทนา เป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะมีตัณหา เป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน...”
— พุทธวจน

จะเห็นว่า หากไม่มีผัสสะ → ก็ไม่มีเวทนา → ไม่มีตัณหา → ไม่มีทุกข์ทางจิตใจ


เว้นผัสสะ = เว้นทุกข์

พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น หากเว้นผัสสะเสียแล้ว จะยังรู้สึกถึงสุขหรือทุกข์ได้หรือไม่? …“นั่นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้เลย”

นี่คือคำตอบที่ตอกย้ำว่า ผัสสะเป็นหัวใจของการเกิดทุกข์ ทุกข์ทางกาย ทางใจ หรือแม้แต่ทางวิญญาณ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น หากไม่มีผัสสะ มากระทบ


สรุปใจความ

ทุกข์เกิดขึ้นเพราะมี “ผัสสะ”
หากรู้เท่าทันผัสสะ เราจึงตัดวงจรของทุกข์ได้

ดังนั้น แนวทางในพุทธวจนจึงเน้นที่ “การรู้เท่าทันผัสสะ” และ “การเว้นจากการยึดติดเวทนา” ที่เกิดจากผัสสะนั้น


บทความอื่นที่น่าสนใจ:


แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน เล่มเล็ก ฉบับที่ 9)

[เหตุแห่งการเกิด “ทุกข์”]

 
-บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๔๐/๗๕.
 
ถูกแล้ว ถูกแล้ว อานนท์ !  ตามที่สารีบุตรเมื่อตอบปัญหาในลักษณะนั้นเช่นนั้น, ชื่อว่าได้ตอบโดยชอบ : อานนท์ !  ความทุกข์นั้น เรากล่าวว่า เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเกิดขึ้น (เรียกว่าปฏิจจสมุปปันนธรรม). 
 
ความทุกข์นั้นอาศัยปัจจัยอะไรเล่า ? ความทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยคือ ผัสสะ, ผู้กล่าวอย่างนี้แล ชื่อว่า กล่าวตรงตามที่เรากล่าว ไม่เป็นการกล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง; แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตาม ก็จะไม่พลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติไปด้วย.
 
อานนท์ !  ในบรรดาสมณพราหมณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมทั้ง ๔ พวกนั้น : 
(๑) สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ว่า เป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง, แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดได้; 
 
(๒) สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ว่า เป็นสิ่งที่ผู้อื่นทำให้, แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้; 
 
(๓) สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ว่า เป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย, แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้; 
 
(๔) ถึงแม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทำเองหรือใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้ ก็ตาม, แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้อยู่นั่นเอง.
 
อานนท์ !  ในบรรดาสมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมทั้ง ๔ พวกนั้น... สมณพราหมณ์พวกนั้นหนา หากเว้นผัสสะเสียแล้ว จะรู้สึกต่อสุขและทุกข์นั้นได้ ดังนั้นหรือ : นั่นไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้เลย...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *