“ธรรมวินัยเป็นศาสดา” พินัยกรรมสุดท้ายจากพระพุทธเจ้า
สารบัญ
Toggleเมื่อผู้นำจากไป องค์กรใดก็ย่อมเกิดความสั่นคลอน… แล้วศาสนาจะตั้งอยู่ได้อย่างไรหากไม่มี “พระศาสดา”? คำถามนี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุคสมัยนี้ หากแต่ย้อนกลับไปถึงสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงเตรียมการก่อน “ปรินิพพาน” สิ่งที่พระองค์ตรัสกับพระอานนท์คือ “ธรรมวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์” คำตรัสนี้เอง คือ “พินัยกรรม” แห่งพระศาสดาที่ควรจารึกไว้ในหัวใจของชาวพุทธทุกคน
ธรรมวินัย: ผู้สืบต่อพระศาสดา
พระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า “อย่าคิดว่าเราไม่มีพระศาสดา” เพราะธรรมและวินัยที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว จะเป็นผู้นำทาง เป็นที่พึ่ง เป็น “ศาสดา” ให้แก่สาวกและปุถุชนในกาลต่อๆ มา
ธรรมวินัยนั้น... “จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา”
และเพื่อไม่ให้หลงยึดที่ตัวบุคคลหรือพิธีกรรม พระองค์จึงตรัสให้ภิกษุทั้งหลาย เป็นผู้มีธรรมเป็นสรณะ คือ ยึดเอา “ธรรมวินัย” เป็นแสงสว่างแห่งชีวิต ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
พินัยกรรมสำคัญ: “ทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม”
หลังจากตรัสให้ธรรมวินัยเป็นศาสดาแล้ว พระพุทธเจ้าทรงสรุปคำสอนสุดท้ายว่า:
“สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
—บาลี มหา. ที. ๑๐/๑๗๘/๑๔๑
คำนี้ไม่ใช่เพียงการตักเตือนก่อนจากลา แต่คือ “แก่นธรรม” ที่ตถาคตต้องการให้พุทธบริษัทยึดถือในทุกช่วงเวลา
ไม่ประมาท คือ ไม่พลาดเป้าแห่งชีวิต
การไม่ประมาทในพระธรรมหมายถึง:
มีสติรู้ทันการคิด พูด ทำ
เพียรละอกุศล เพิ่มกุศล
ไม่ยึดติดในสังขารที่แปรเปลี่ยน
ใครที่มีธรรมวินัยเป็นสรณะ ย่อมไม่พลาดทาง
พระพุทธเจ้าตรัสต่อว่า ภิกษุใดมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ผู้นั้นแลจะ “อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุด”
ซึ่งแม้ในยุคนี้ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอยู่ตรงหน้า หากเรายัง “ฟังธรรมที่ตรงจากพระโอษฐ์” และ “ปฏิบัติตามธรรมวินัย” ก็เท่ากับเรายังมีพระศาสดาอยู่กับเราเสมอ
สรุป
พระธรรมวินัย คือแสงประทีปสืบสายจากพระศาสดา
การไม่ประมาท คือพินัยกรรมที่เราต้องสืบสาน
หากเรายังปฏิบัติได้ตามนี้ พระพุทธเจ้าก็ยังดำรงอยู่ในธรรมเสมอ
🔗 บทความอื่นที่น่าสนใจ:
📚 แหล่งอ้างอิง:
พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน เล่มเล็ก ฉบับที่ 9)
[พินัยกรรม ของ “พระสังฆบิดา”]
-บาลี มหา. ที. ๑๐/๑๗๘/๑๔๑.อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า “ธรรมวินัยของพวกเรา มีพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา” ดังนี้.อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น. อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเรา.ภิกษุทั้งหลาย !บัดนี้ เราจักเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม เถิด ดังนี้.นี่แล เป็นพระวาจาที่ตรัสครั้งสุดท้ายของพระตถาคตเจ้า.