พุทธวจน

ผู้มีธรรม 5 ประการ จึงเข้าสมาธิได้: วิถีแห่งใจที่พร้อมต่อสัมมาสมาธิ

ภาพจิตรกรรมพระภิกษุนั่งสมาธิท่ามกลางสิ่งยั่วยวนจากผัสสะทั้งห้า

สารบัญ

ทำไมบางคนทำสมาธิไม่ได้ผล?

เคยไหม? ที่คุณพยายามนั่งสมาธิ แต่จิตไม่สงบ ความคิดไหลไม่หยุด หรือเพียงแค่เสียงเบา ๆ ก็ทำให้ใจเตลิด? หลายคนอาจเข้าใจว่าเพียงแค่ "นั่งหลับตา" ก็เข้าสมาธิได้ แต่ในพระสูตรของพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ชัดว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมแก่การเข้าถึงสัมมาสมาธิ"

พระองค์ได้แจกแจง ธรรม 5 ประการ ที่จำเป็นสำหรับผู้ใฝ่สมาธิ หากใครไม่มีธรรม 5 ประการนี้ จะไม่ควรแก่การเข้าถึงสมาธิที่ถูกต้องเลย


ธรรม 5 ประการที่ทำให้บุคคลควรแก่สัมมาสมาธิ

ใน พระสูตรบาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๕๕/๑๓๓ ได้กล่าวถึงลักษณะของภิกษุที่ "ควร" และ "ไม่ควร" แก่การเข้าถึงสัมมาสมาธิไว้อย่างชัดเจน

ผู้ที่ “ไม่ควร” เข้าถึงสัมมาสมาธิ มี 5 ประการ คือ:

  1. ไม่อดทนต่อรูป – ถูกกระทบด้วยภาพ รูปทรง สีสัน แล้วใจสั่นไหว

  2. ไม่อดทนต่อเสียง – ได้ยินเสียงแล้วจิตใจหวั่นไหว

  3. ไม่อดทนต่อกลิ่น – มีกลิ่นแล้วจิตเกิดความพอใจหรือไม่พอใจ

  4. ไม่อดทนต่อรส – สัมผัสรสแล้วจิตไม่เป็นกลาง

  5. ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะ – ความรู้สึกทางกาย เช่น หนาว ร้อน อ่อน แข็ง ทำให้จิตไม่ตั้งมั่น

คนที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ เมื่อเข้าสมาธิย่อมถูกผัสสะครอบงำ จิตไม่สามารถตั้งมั่นได้ จึงไม่ควรแก่สัมมาสมาธิ


ผู้ที่ “ควร” เข้าถึงสัมมาสมาธิ คือผู้ตรงข้ามกับข้างต้น

ธรรม 5 ประการที่ทำให้ "ควร" แก่การเข้าถึงสมาธิ ได้แก่:

  1. อดทนต่อรูปทั้งหลาย

  2. อดทนต่อเสียงทั้งหลาย

  3. อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย

  4. อดทนต่อรสทั้งหลาย

  5. อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย

การ “อดทน” ไม่ได้หมายถึง “ทนเอา” อย่างเดียว แต่หมายถึง “จิตที่ไม่ถูกกล่อมด้วยผัสสะ” เมื่อเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส หรือสัมผัสกาย จิตต้องตั้งอยู่ในความรู้ตัว ไม่หวั่นไหว ไม่เพลิดเพลิน ไม่รังเกียจ


เชื่อมโยงกับหลักธรรมอื่น: การระงับอกุศลและการพ้นจากกิเลส

ธรรม 5 ข้อนี้สัมพันธ์โดยตรงกับหลัก อินทรีย์สังวร คือการควบคุมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ไม่เป็นช่องทางให้กิเลสเข้ามาครอบงำ เช่นเดียวกับคำสอนในพระสูตรอื่น เช่น:

“บุคคลนั้นเมื่อเห็นรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แล้วไม่เพลิดเพลิน ไม่กำหนัด ย่อมชื่อว่าอยู่ใกล้ต่อความหลุดพ้น”

และยังสัมพันธ์กับการ เจริญสมาธิภาวนา ที่เป็นมรรควิธีหลักของพุทธศาสนา การฝึกฝนสมาธิอย่างแท้จริงจึงไม่ใช่เพียงเทคนิคการหายใจหรือการเพ่งเท่านั้น แต่ต้องมีรากฐานจากการควบคุมผัสสะด้วย


การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

  • ถ้าอยากเริ่มฝึกสมาธิ ต้องเริ่มจากการ มีสติเมื่อกระทบรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส

  • ทดลองสังเกตตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ใจหวั่นไหว และฝึกไม่เข้าไปยึดติด

  • ใช้หลักนี้ทุกวัน เช่น เวลาขับรถ เจอเสียงแตร เสียงบีบ เสียงจราจร ไม่หงุดหงิด


สรุป

การเข้าถึงสัมมาสมาธิ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคนิค หรือสถานที่ที่เงียบสงบ แต่ขึ้นอยู่กับ ภาวะของใจที่มีคุณสมบัติอดทนต่อผัสสะทั้งหลาย หากผู้ปฏิบัติไม่สามารถควบคุมใจเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กายกระทบกับอารมณ์ต่าง ๆ ได้ สมาธิจะไม่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

ธรรม 5 ประการนี้จึงเป็น “พื้นฐานก่อนสมาธิ” ที่ทุกคนควรฝึกก่อนจะพูดถึงการเข้าฌานหรือวิปัสสนาใด ๆ


บทความอื่นที่น่าสนใจ:


แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[ลักษณะของผู้ที่ง่ายต่อการเข้าสมาธิ]

-บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๕๕/๑๓๓.
 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ เป็นผู้ไม่ควร เพื่อเข้าถึงสัมมาสมาธิ แล้วแลอยู่. ๕ ประการ อย่างไรเล่า ? 
ภิกษุทั้งหลาย !๕ ประการ คือ :- ภิกษุในกรณีนี้
(๑) เป็นผู้ ไม่อดทนต่อรูปทั้งหลาย
(๒) ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย
(๓) ไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย
(๔) ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย
(๕) ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ ไม่ควร เพื่อเข้าถึงสัมมาสมาธิ แล้วแลอยู่.
 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุที่ประกอบด้วย ธรรม ๕ ประการ เป็นผู้ ควร เพื่อเข้าถึงสัมมาสมาธิ แล้วแลอยู่. ๕ ประการ อย่างไรเล่า ? 
ภิกษุทั้งหลาย !  ๕ ประการ คือ :- ภิกษุในกรณีนี้
(๑) เป็นผู้ อดทนต่อรูปทั้งหลาย
(๒) อดทนต่อเสียงทั้งหลาย
(๓) อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย
(๔) อดทนต่อรสทั้งหลาย
(๕) อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย 
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ ควร เพื่อเข้าถึงสัมมาสมาธิ แล้วแลอยู่.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *