พุทธวจน

สมาธิระงับความรัก-เกลียด ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

สมาธิระงับความรักและความเกลียดในจิตรกรรมไทยประยุกต์

สารบัญ

ในชีวิตประจำวันของเรา ความรู้สึกรักและเกลียดเกิดขึ้นตลอดเวลา บางครั้งเรารักเพราะสิ่งนั้นทำให้เราพอใจ หรือเกลียดเพราะสิ่งนั้นขัดใจ แต่ในบางครั้ง ความรักก็ทำให้เกิดความเกลียด และความเกลียดก็อาจสร้างความรักได้อย่างไม่น่าเชื่อ
พระพุทธวจนได้แสดงไว้อย่างชัดเจนว่า สมาธิ คือหนทางระงับความรักและความเกลียดที่หมุนเวียนกันไปตามธรรมชาติ และการปฏิบัติสมาธิถึงขั้นฌานสามารถทำให้จิตหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้


หลักธรรมจากพระสูตร: ความรัก-เกลียด 4 แบบ

พระสูตรนี้กล่าวถึง ธรรมารมณ์ 4 ประการ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของความรักและความเกลียด ได้แก่

  1. ความรักเกิดจากความรัก

  2. ความเกลียดเกิดจากความรัก

  3. ความรักเกิดจากความเกลียด

  4. ความเกลียดเกิดจากความเกลียด

ซึ่งในความหมายเชิงลึก คือ อารมณ์หนึ่งสามารถก่อให้เกิดอีกอารมณ์หนึ่งได้ ไม่ว่าต้นทางจะเป็นความพอใจหรือไม่พอใจก็ตาม

ตัวอย่างเช่น:

  • เราอาจรักใครคนหนึ่งมาก แต่เมื่อเกิดความผิดหวัง ความรักนั้นก็กลับกลายเป็นความเกลียด

  • หรือบางครั้งเราเกลียดใครมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เห็นความดีหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน ความเกลียดนั้นก็เปลี่ยนเป็นความรัก


สมาธิ: เครื่องมือหยุดวงจรแห่งรักและเกลียด

พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อภิกษุสงัดจากกามและอกุศลธรรม เข้าสู่ ปฐมฌาน ซึ่งมีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดแต่วิเวก ความรักและความเกลียดทั้งสี่แบบนั้นจะ ไม่มี ในขณะนั้น

และเมื่อเข้าสู่ ทุติยฌาน, ตติยฌาน, จตุตถฌาน จิตก็จะยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น ปราศจากความกระเพื่อมของอารมณ์รักและเกลียดโดยสิ้นเชิง

โครงสร้างการดับอารมณ์ในสมาธิ

  • ปฐมฌาน: จิตสงัดจากกาม ปลอดจากอกุศลธรรม

  • ทุติยฌาน: ละวิตกวิจาร จิตเป็นเอกัคคตาพร้อมปีติสุข

  • ตติยฌาน: ปล่อยวางปีติ เหลือเพียงความสุขและสติ

  • จตุตถฌาน: จิตตั้งมั่นเป็นกลาง ละสุขละทุกข์ เหลือเพียงอุเบกขา


ทำไมสมาธิจึงระงับความรักและความเกลียดได้?

ความรักและความเกลียดเป็นอารมณ์ที่ต้องอาศัย การปรุงแต่งทางจิต (สังขาร) และ การยึดมั่นในตัวตน (อุปาทาน)
แต่เมื่อจิตเข้าสมาธิระดับสูง จิตจะ:

  • ตัดการรับรู้อารมณ์ภายนอกที่เป็นเหตุให้เกิดรักหรือเกลียด

  • รวมพลังอยู่กับอารมณ์เดียวที่เป็นกุศล

  • มีความสุขที่เกิดจากวิเวก ไม่ต้องพึ่งสิ่งเร้าภายนอก

เมื่อไม่มีการกระทบที่นำไปสู่การปรุงแต่ง ความรักและความเกลียดจึงไม่มีเชื้อให้เกิด


การนำหลักนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน

แม้เราจะไม่ได้เข้าสมาธิถึงขั้นฌาน แต่สามารถประยุกต์ใช้หลักนี้ได้ในชีวิตจริง เช่น

  1. สังเกตจิต เมื่อเกิดความรักหรือความเกลียด ให้รู้ทันว่าอารมณ์นี้เกิดจากอะไร

  2. ถอยออกมาจากสิ่งเร้า เช่น เดินออกจากสถานการณ์หรือหยุดอ่านคอมเมนต์ที่ทำให้โกรธ

  3. ใช้การหายใจเป็นสมาธิ เพื่อดึงจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ไหลไปตามอารมณ์

  4. ฝึกเมตตาภาวนา เพื่อค่อยๆ ละความเกลียดและทำให้จิตผ่อนคลาย


สรุป

พระพุทธวจนเรื่อง สมาธิระงับความรักและความเกลียด ชี้ให้เราเห็นว่า วงจรของอารมณ์รักและเกลียดนั้นมีอยู่ตามธรรมชาติ แต่สามารถดับได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นในสมาธิขั้นสูง ซึ่งไม่เพียงช่วยให้จิตสงบ แต่ยังทำให้เราหลุดออกจากความผันผวนทางอารมณ์ และเข้าใกล้ความเป็นอิสระทางใจอย่างแท้จริง


บทความอื่นที่น่าสนใจ


แหล่งอ้างอิง:

พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)

[สมาธิระงับความรัก-เกลียด ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ]

-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๙๐/๒๐๐.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  ธรรมารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเกิดอยู่เป็น ๔ ประการ. ๔ ประการอย่างไรเล่า ?  ๔ ประการ คือ :-
ความรักเกิดจากความรัก,  ความเกลียดเกิดจากความรัก, ความรักเกิดจากความเกลียด, ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.
(ดูรายละเอียดได้ในเรื่อง “ว่าด้วยความรัก ๔ แบบ” หน้า ๒๓)
 
ภิกษุทั้งหลาย !  สมัยใด ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่; สมัยนั้น ความรักใดที่เกิดจากความรัก ความรักนั้นก็ไม่มี, ความเกลียดใดที่เกิดจากความรัก ความเกลียดนั้นก็ไม่มี, ความรักใดที่เกิดจากความเกลียด ความรักนั้นก็ไม่มี, ความเกลียดใดที่เกิดจากความเกลียด ความเกลียดนั้นก็ไม่มี.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  สมัยใด ภิกษุ เข้าถึงทุติยฌาน ... ตติยฌาน ... จตุตถฌาน ... แล้วแลอยู่; สมัยนั้น ความรักใดที่เกิดจากความรัก ความรักนั้นก็ไม่มี, ความเกลียดใดที่เกิดจากความรัก ความเกลียดนั้นก็ไม่มี, ความรักใดที่เกิดจากความเกลียด ความรักนั้นก็ไม่มี, ความเกลียดใดที่เกิดจากความเกลียด ความเกลียดนั้นก็ไม่มี.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *