4 เงื่อนไขที่ทำให้พระศาสนายั่งยืน ไม่เสื่อมสูญตามกาลเวลา
สารบัญ
Toggleทำไมพระพุทธศาสนาซึ่งมีคำสอนลึกซึ้ง ละเอียด และสมบูรณ์ที่สุด กลับมีทั้งช่วงเวลาที่รุ่งเรืองและช่วงที่เสื่อมถอย? บางยุคมีพระอรหันต์มากมาย แต่บางยุคกลับไร้แม้แต่ผู้รู้พระธรรมที่ถูกต้อง ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอะไร? และเราจะมีส่วนรักษาศาสนาไว้ได้อย่างไร? พระพุทธเจ้าทรงตอบคำถามนี้ไว้ชัดเจนในพระสูตรหนึ่ง ที่อธิบายถึง "เงื่อนไข 4 ประการ" ที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งมั่นอยู่ ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา
เงื่อนไขที่ 1: รู้และเรียนพระธรรมให้ถูกต้องตามบทพยัญชนะและความหมาย
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถูก ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้น
พระพุทธเจ้าทรงเน้นให้ภิกษุเล่าเรียนคำสอนอย่างแม่นยำทั้งตัวบทและความหมาย เพราะคำสอนของพระองค์เป็นธรรมที่มีนัยลึก ถ้าตัวบทผิด ความหมายก็จะผิดตามไปด้วย เช่นการแปลผิดหนึ่งคำ อาจทำให้ความเข้าใจในธรรมทั้งระบบผิดเพี้ยนไป เราจึงเห็นได้ว่า สัทธรรมจะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยการศึกษาที่อ้างอิงต้นฉบับอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การตีความตามใจหรือแต่งใหม่
เงื่อนไขที่ 2: มีความว่าง่าย อ่อนน้อม อดทนต่อคำสอนอันถูกต้อง
พวกภิกษุเป็นคนว่าง่าย ประกอบด้วยเหตุที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย อดทน ยอมรับคำสั่งสอนโดยความเคารพหนักแน่น
การยึดถือความคิดตัวเองเป็นหลัก ไม่ยอมฟังพระธรรมที่ตรงจากพุทธโอษฐ์ เป็นหนึ่งในสาเหตุของความเสื่อมแห่งศาสนา เงื่อนไขนี้ชี้ให้เห็นว่า การยอมลดอัตตา เปิดใจฟัง และใคร่ครวญธรรมจากคำสอนโดยตรง จะนำไปสู่การธำรงรักษาธรรมที่แท้จริง
เงื่อนไขที่ 3: มีผู้รู้ธรรม ถ่ายทอดอย่างต่อเนื่อง
พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจน ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท)... เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาด ผู้เป็นมูลราก (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป
พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่า ศาสนาจะอยู่ได้นาน ต้องมีผู้ทรงธรรมและถ่ายทอดต่ออย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่การจำ แต่รวมถึงการเข้าใจลึกซึ้งและเผยแผ่ตามบทพยัญชนะเดิม เพื่อไม่ให้คำสอนขาดช่วงหรือถูกดัดแปลงโดยเจตนาดีแต่ขาดความเข้าใจแท้จริง
เงื่อนไขที่ 4: พระเถระผู้ปฏิบัติเป็นแบบอย่าง
พวกภิกษุผู้เถระ ไม่สะสมบริขาร ไม่ย่อหย่อนในไตรสิกขา... มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวิเวกธรรม ย่อมปรารภความเพียร... พวกภิกษุที่บวชในภายหลัง ได้เห็นพระเถระเหล่านั้น ทำแบบฉบับเช่นนั้นไว้ ก็ถือเอาเป็นแบบอย่าง
แบบอย่างที่ทรงอิทธิพลที่สุด คือแบบอย่างของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระเถระในยุคพุทธกาลและต่อมา หากรักษาข้อวัตรโดยเคร่งครัด ไม่คล้อยตามโลก ไม่สะสมสิ่งของ ไม่ผ่อนปรนในการศึกษาและปฏิบัติ ก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้รุ่นหลังดำเนินตาม ทำให้พระศาสนายังดำรงอยู่ได้ด้วยการลงมือปฏิบัติ มิใช่เพียงคำพูด
สรุป
สี่ประการนี้ คือคำตอบของพระพุทธเจ้าต่อคำถามว่า ทำไมพระสัทธรรมจึงดำรงอยู่ได้ในบางยุค และเสื่อมไปในบางยุค ทั้งหมดไม่ใช่เพราะโลกเปลี่ยน แต่เพราะ "ผู้คน" เปลี่ยน หากเรายังเล่าเรียนอย่างถูกต้อง อ่อนน้อมต่อคำสอน ถ่ายทอดด้วยความเข้าใจ และปฏิบัติตามแบบอย่างแห่งความเพียรแล้ว แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ศาสนานี้ก็จะไม่เสื่อมสูญ
พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)
[เหตุให้ศาสนาเจริญ]
-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๙๘/๑๖๐.ภิกษุทั้งหลาย ! มูลเหตุ ๔ ประการเหล่านี้ ย่อมทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป. ๔ ประการ อะไรบ้างเล่า ? ๔ ประการ คือ :-(๑) ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถูก ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้นภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.(๒) ภิกษุทั้งหลาย ! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุเป็นคนว่าง่าย ประกอบด้วยเหตุที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย อดทน ยอมรับคำสั่งสอนโดยความเคารพหนักแน่นภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่สอง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.(๓) ภิกษุทั้งหลาย ! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจน ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่ บอกสอน เนื้อความแห่งสูตรทั้งหลายแก่คนอื่นๆ เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาด ผู้เป็นมูลราก (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไปภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่สาม ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.(๔) ภิกษุทั้งหลาย ! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุผู้เถระ ไม่ทำการสะสมบริกขาร ไม่ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา ไม่มีจิตตกต่ำด้วยอำนาจแห่งนิวรณ์ มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวิเวกธรรม ย่อมปรารภความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง พวกภิกษุที่บวชในภายหลัง ได้เห็นพระเถระเหล่านั้น ทำแบบฉบับเช่นนั้นไว้ ก็ถือเอาเป็นแบบอย่าง, พวกภิกษุรุ่นหลัง จึงเป็นพระที่ไม่ทำการสะสมบริกขาร ไม่ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา ไม่มีจิตตกต่ำด้วยอำนาจแห่งนิวรณ์ มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวิเวกธรรม ย่อมปรารถความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.ภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่สี่ ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.ภิกษุทั้งหลาย ! มูลเหตุ ๔ ประการเหล่านี้แล ย่อมทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไปเลย.