7 หลักธรรมไม่เสื่อม ที่ช่วยให้ชีวิตเจริญมั่นคงตามแนวพุทธ
สารบัญ
Toggleในยุคที่ผู้คนต่างแสวงหาความมั่นคง ความเจริญในชีวิต และความสงบสุขในสังคม หลายคำถามเกิดขึ้นว่า ทำอย่างไรเราจึงจะไม่ตกต่ำทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและสังคมโดยรวม? คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นคำถามที่พระพุทธเจ้าเคยตอบไว้แล้วกว่า 2,600 ปี ในหลักธรรมที่ทรงเรียกว่า "อปริหานิยธรรม" หรือ "ธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญ ไม่เสื่อม" วันนี้เราจะมาทบทวนและทำความเข้าใจหลักธรรม 7 ข้อนี้อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่านำมาใช้กับชีวิตและสังคมสมัยใหม่ได้อย่างไร
อปริหานิยธรรม 7 ประการ: ธรรมะสู่ความเจริญ
อปริหานิยธรรม (ธรรมไม่เสื่อม) เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอานนท์และพราหมณ์วัสสการะ โดยทรงยืนยันว่า ถ้าพวกเจ้าวัชชีดำรงธรรม 7 ประการนี้ไว้ จะมีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อมเลยแม้แต่น้อย ธรรมะทั้ง 7 นี้จึงเป็นหลักการที่มั่นคงสำหรับความอยู่รอดอย่างสง่างามของบ้านเมือง ชุมชน และชีวิตของแต่ละคน
1. ประชุมกันเนืองๆ อย่างสม่ำเสมอ
"อานนท์! พวกเจ้าวัชชีประชุมกันเนืองๆ ประชุมกันโดยมาก"
แปลเป็นภาษาปัจจุบันได้ว่า สังคมหรือองค์กรที่ไม่ละเลยการปรึกษาหารือ ย่อมรักษาความเป็นเอกภาพได้ดี การประชุมไม่ใช่เพียงพิธี แต่เป็นเครื่องมือในการฟังเสียงของทุกฝ่าย ร่วมตัดสินใจ และประสานความเข้าใจ เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง จะหลีกเลี่ยงการแตกแยกได้
2. พร้อมเพรียงกันทั้งเริ่มต้นและลงมือปฏิบัติ
"พวกเจ้าวัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม และพร้อมเพรียงกันทำกิจ"
หลักธรรมข้อนี้เน้น "วินัยร่วม" คือไม่ใช่แค่ประชุมแล้วแยกย้าย แต่ต้องลงมือร่วมกันด้วยความเข้าใจและมีเป้าหมายร่วมกัน หากแต่ละคนต่างทำตามใจตัวเอง สังคมจะเกิดความโกลาหล
3. เคารพกฎ กติกา ไม่บัญญัติสิ่งใหม่โดยพลการ
"มิได้บัญญัติข้อที่มิได้บัญญัติไว้ มิได้ถอนข้อที่บัญญัติไว้แล้ว"
การรักษากติกาที่วางไว้แล้ว เป็นรากฐานของความยุติธรรมและความไว้วางใจในระบบ ไม่ว่าในบ้าน เมือง หรือองค์กร หากกฎเปลี่ยนไปมาโดยไม่มีหลักการ ย่อมนำไปสู่ความเสื่อมและความขัดแย้ง
4. เคารพผู้นำที่ชอบธรรม
"สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ท่านที่เป็นประธาน ตั้งใจฟังคำสั่งของท่าน"
สังคมที่เจริญต้องมีผู้นำที่ได้รับความเคารพจากความดีจริง ไม่ใช่เพียงตำแหน่ง ความเคารพในผู้นำเป็นสะพานให้เกิดการนำพาสังคมไปในทางที่ดี ผู้นำจึงควรเป็นแบบอย่างของธรรม ไม่ใช่เผด็จการ
5. ไม่ดูหมิ่นสตรี
"มิได้ลบหลู่ ดูถูกสตรี ที่เป็นเจ้าหญิง หรือกุมารีในสกุล"
ข้อนี้อาจดูเฉพาะเจาะจงในยุคพุทธกาล แต่หากขยายความจะหมายถึงการเคารพศักดิ์ศรีของเพศและบทบาทในสังคม การไม่เหยียดเพศ ไม่ลดค่าผู้อื่น เป็นเครื่องหมายของสังคมเจริญและมีวุฒิภาวะ
6. ไม่ละเลยศาสนสถานและประเพณีดีงาม
"สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ทั้งภายในและภายนอก... ให้ทานที่เคยให้ ให้กิจที่เคยทำ"
หมายถึงการไม่ละเลยรากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ ความศรัทธา และวัฒนธรรมประจำถิ่น เช่น การอนุรักษ์วัด ศิลปะ พิธีกรรม ฯลฯ หากสังคมละทิ้งสิ่งเหล่านี้ จะไร้ศูนย์รวมจิตใจและบั่นทอนพลังศีลธรรมโดยรวม
7. ต้อนรับและเคารพพระอรหันต์
"เตรียมเครื่องต้อนรับไว้พร้อม เพื่อพระอรหันต์ทั้งหลาย... ที่มาแล้วพึงอยู่สุขสำราญ"
หมายถึงการให้ความสำคัญกับผู้มีคุณธรรมสูงสุด เปิดพื้นที่ให้พระอริยะบุคคลได้เผยแผ่ธรรม สังคมที่เคารพนักบวชผู้บริสุทธิ์ ย่อมมีแนวโน้มจะเจริญในธรรม
การประยุกต์ใช้ในชีวิตและสังคมยุคใหม่
ธรรม 7 ประการนี้ ไม่ใช่เพียงหลักการของสมัยพุทธกาล แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้กับทุกระดับของชีวิต ตั้งแต่ระดับครอบครัว องค์กร จนถึงระดับชาติ เช่น:
-
บ้านที่ประชุมกันเนืองๆ เช่น ร่วมกันพูดคุยปัญหา ย่อมลดความขัดแย้ง
-
องค์กรที่มีวินัยร่วมกัน ทำงานอย่างพร้อมเพรียง ย่อมเติบโต
-
ประเทศที่รักษากติกา ยึดกฎหมาย เคารพศีลธรรม ไม่ดูถูกเพศหรือศาสนาอื่น ย่อมเจริญ
ถ้าทุกฝ่ายทำตามธรรม 7 ประการนี้ เราจะเห็นความมั่นคง เจริญ และความสงบสุขทั้งภายนอกและภายใน
สรุป
อปริหานิยธรรมไม่ใช่เพียงหลักธรรมสำหรับเจ้าวัชชีในพุทธกาล แต่เป็นหลักการบริหารชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย หากสังคมใดต้องการความเจริญอย่างแท้จริง ก็ไม่อาจละเลยธรรมะทั้ง 7 ข้อนี้ได้เลย
พระสูตรต้นฉบับ (พุทธวจน)
[ธรรมอันเป็นไปเพื่อความเจริญไม่เสื่อม (อปริหานิยธรรม)]
-บาลี มหา. ที. ๑๐/๘๖/๖๘.พราหมณ์ ! ถ้าธรรมทั้ง ๗ อย่างนั้น คงตั้งอยู่ในพวกเจ้าวัชชี หรือเจ้าวัชชีจักตั้งตนอยู่ในธรรมทั้ง ๗ อย่างเหล่านั้นแล้ว, พราหมณ์ ! อันนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้.(ต่อไปนี้ เป็นตัวธรรมเจ็ดประการที่ตรัสแก่พระอานนท์ ซึ่งวัสสการพราหมณ์ก็นั่งฟังอยู่ด้วย)(๑) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีประชุมกันเนืองๆ ประชุมกันโดยมาก...(๒) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่พวกเจ้าวัชชี จะต้องทำ...(๓) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีมิได้บัญญัติข้อที่มิได้บัญญัติไว้ มิได้ถอนข้อที่บัญญัติไว้แล้ว, แต่ประพฤติอยู่ในวัชชีธรรมตามที่ได้บัญญัติไว้...(๔) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ท่านที่เป็นประธานของเจ้าวัชชี ตั้งใจฟังคำสั่งของท่านผู้นั้น...(๕) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีมิได้ลบหลู่ ดูถูกสตรี ที่เป็นเจ้าหญิง หรือกุมารีในสกุล...(๖) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีสักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ทั้งภายในและภายนอก มิได้ปล่อยละเลย ให้ทานที่เคยให้ ให้กิจที่เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้น และให้พลีกรรมที่ประกอบด้วยธรรม, เสื่อมเสียไป...(๗) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีเตรียมเครื่องต้อนรับไว้พร้อม เพื่อพระอรหันต์ทั้งหลายว่า “พระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมิได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้นนี้, ที่มาแล้วพึงอยู่สุขสำราญ เถิด” ดังนี้...อานนท์ ! เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นความเจริญแก่เจ้าวัชชีอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้.