นิทานก่อนนอน, นิทานธรรมะก่อนนอน 🕉️

[BTSR]: ความเงียบในใจของฤดูหนาว

นิทานก่อนนอน [BTSR] : ความเงียบในใจของฤดูหนาว

ในป่าลึกของฤดูหนาวที่เงียบสงัด มีหมู่บ้านเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา ผู้คนในหมู่บ้านดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย พวกเขาตื่นเช้าออกไปทำงานในท้องทุ่งที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน และกลับมารวมตัวกันรอบกองไฟในยามค่ำคืน พูดคุยและแบ่งปันอาหารที่หอมกรุ่น ภายใต้แสงดาวที่ส่องประกายประดับฟ้า แม้ฤดูหนาวจะหนาวเย็นเพียงใด แต่ความอบอุ่นจากหัวใจของผู้คนในหมู่บ้านกลับทำให้ทุกอย่างดูน่าอยู่

แต่ในฤดูหนาวปีนี้ ความสงบสุขของหมู่บ้านกลับถูกความทุกข์แทรกซึม เมื่อมีเรื่องเล่าขานถึงเสียงประหลาดที่ดังขึ้นในยามค่ำคืน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงลม หรือเสียงสัตว์ป่าที่เคยได้ยินเป็นปกติ หากแต่เป็นเสียงกระซิบที่ลึกลับและแผ่วเบา — เหมือนเสียงของคนที่ไม่อาจหาความสงบในใจได้ บางคนบอกว่ามันเป็นเสียงร้องไห้ บางคนได้ยินเป็นเสียงเรียกชื่อคล้ายมีใครบางคนกำลังหลงทางอยู่ในป่าหิมะ

ชาวบ้านพยายามหาคำตอบ บ้างก็เชื่อว่าเสียงนี้มาจากภูตผีที่อาศัยในป่า บ้างก็ว่าเป็นเสียงของวิญญาณที่หลงทาง หลายคนเริ่มกลัวจนไม่กล้าออกไปนอกบ้านในเวลากลางคืน หลายคืนผ่านไป เสียงนั้นกลับดังชัดขึ้นและยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในหมู่บ้าน บางครอบครัวถึงขั้นจุดธูปไหว้พระและทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

วันหนึ่ง พระธุดงค์ผู้เฒ่า ซึ่งเดินทางผ่านหมู่บ้านมาได้ยินเรื่องเล่าของชาวบ้าน ท่านรับฟังด้วยความสงบ และตัดสินใจพักอยู่ในหมู่บ้านเพื่อช่วยไขปริศนา ท่านบอกกับชาวบ้านว่า “บางครั้งเสียงที่เราได้ยิน อาจไม่ได้มาจากสิ่งภายนอก แต่เป็นเสียงสะท้อนของจิตใจเราเอง” คำพูดนี้ทำให้ชาวบ้านสงสัยแต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง

ในคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง พระธุดงค์ออกไปยังใจกลางป่าใหญ่พร้อมกับเหล่าชาวบ้านที่อยากรู้คำตอบ พวกเขาเดินตามเสียงนั้นไปในความมืด เสียงกระซิบนั้นยิ่งใกล้เข้ามาและฟังดูชัดเจนขึ้น ทว่าพระธุดงค์กลับหยุดยืนนิ่งกลางป่า ท่านหลับตาและเงี่ยหูฟังเสียงอย่างสงบ ก่อนจะกล่าวว่า “เสียงนี้มิใช่เสียงของผีหรือปีศาจ แต่เป็นเสียงแห่งความวุ่นวายในใจของเราเอง”

ชาวบ้านต่างงุนงงและถามว่าเป็นไปได้อย่างไร พระธุดงค์จึงเชิญทุกคนให้นั่งลงบนหิมะ หลับตา และตั้งจิตให้สงบ ท่านกล่าวว่า “เสียงในป่าอาจฟังดูน่ากลัวเมื่อใจเราหวาดกลัว แต่หากเรามองมันเป็นเพียงเสียงของธรรมชาติ เราก็จะเข้าใจว่าความกลัวนั้นเกิดจากใจเราเอง”

ชาวบ้านนั่งนิ่ง ปล่อยใจสงบ และฟังเสียงนั้นอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาไม่ได้ยินเสียงกระซิบแห่งความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่ได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ เสียงหิมะที่ร่วงลงมาสัมผัสพื้น และเสียงหริ่งหรีดที่ร้องแผ่วเบา ทุกเสียงกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่งดงาม เสียงที่เคยทำให้พวกเขากลัวกลับกลายเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมใจอย่างน่าประหลาด

ตั้งแต่คืนนั้นมา ผู้คนในหมู่บ้านเริ่มเปลี่ยนมุมมอง พวกเขาใช้เวลาฟังเสียงของธรรมชาติรอบตัว และค้นพบว่าความเงียบในใจนั้นงดงามกว่าที่เคยคิด ฤดูหนาวปีนี้จึงกลายเป็นฤดูที่พวกเขาได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของความสงบในจิตใจอย่างลึกซึ้ง และเสียงประหลาดในป่าก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากลัวอีกต่อไป หากแต่เป็นเครื่องเตือนใจให้พวกเขาไม่ลืมที่จะฟังเสียงของหัวใจตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *