นิทานก่อนนอน, นิทานเพื่อการผ่อนคลาย 🌙

[BTSR]: เสียงสายลมในหุบเขา

นิทานก่อนนอน [BTSR] : เสียงสายลมในหุบเขา

ในหุบเขาเงียบสงบที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า “ป่าลมไหว” หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่กลางธรรมชาติที่งดงาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าที่ใด นั่นคือ “เสียงสายลม” ที่มีลักษณะเหมือนเสียงเพลงจากธรรมชาติ

ชาวบ้านเล่าต่อกันมาว่า เสียงสายลมนี้เกิดจากภูติแห่งสายลมที่คอยปกป้องหุบเขา ไม่ว่าคืนไหนที่ลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ เสียงเหมือนเครื่องดนตรีจากธรรมชาติจะดังขึ้นคลอเคลียชาวบ้าน ทำให้พวกเขารู้สึกสงบสุขและนอนหลับฝันดี

คืนหนึ่ง ทุกคนในหมู่บ้านต่างตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงสายลมที่เคยเป็นเหมือนเพลงบรรเลงแสนไพเราะกลับหายไปแทนที่ด้วยความเงียบงัน ทุกคนรู้สึกเหมือนบางสิ่งผิดปกติ แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึง

รุ่งเช้า เด็กหนุ่มชื่อว่า “ธีร์” ผู้มีความฝันอยากเป็นนักสำรวจ เดินไปหาผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน “ปู่ทวี” เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ปู่ทวีเล่าว่า เมื่อใดก็ตามที่เสียงสายลมหายไป นั่นหมายความว่าภูติสายลมอาจกำลังเผชิญปัญหาหรือภัยคุกคาม

ธีร์อาสาเดินทางเข้าไปในป่าลึกเพื่อหาสาเหตุ เขาเตรียมเสบียงเล็กน้อยและเข็มทิศเก่าที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ เสียงเงียบในหุบเขานั้นทำให้เขารู้สึกวังเวง แต่ด้วยความมุ่งมั่น เขายังคงเดินหน้าต่อไป

ระหว่างทาง ธีร์พบสัตว์ป่าและดอกไม้แปลกตา เขาเดินตามเสียงลมหายใจที่เบาบางซึ่งนำทางเขาไปจนถึงต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง ที่ต้นไม้นั้น เขาเห็นประตูเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในโพรง

เมื่อธีร์เปิดประตูนั้นเข้าไป เขาก็พบกับโลกแห่งสายลม ที่เต็มไปด้วยแสงเรืองรองและเสียงเพลงจากธรรมชาติ เขาได้พบภูติสายลมตัวเล็กชื่อว่า “ลูมิน” ซึ่งดูเศร้าและอ่อนแรง

ลูมินเล่าว่า มีมลพิษจากภายนอกที่เริ่มเข้ามาในป่า ทำให้พลังของเขาลดลง ลูมินขอร้องธีร์ให้ช่วยฟื้นฟูความสมดุลในป่า ธีร์ต้องรวบรวม “แก่นแห่งสายลม” ซึ่งซ่อนอยู่ในมุมต่าง ๆ ของหุบเขา เพื่อคืนพลังให้ลูมิน

ธีร์ใช้เวลาหลายวันในการตามหาแก่นแห่งสายลมที่ซ่อนอยู่ในป่าใหญ่ เขาต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งภูมิอากาศที่แปรปรวนและความมืดในป่าลึก แต่ทุกครั้งที่เขารู้สึกท้อ เขาจะได้ยินเสียงกระซิบจากลูมินที่เป็นกำลังใจให้

เมื่อเขานำแก่นแห่งสายลมกลับมามอบให้ลูมิน พลังของสายลมก็กลับคืนมาอีกครั้ง เสียงเพลงจากธรรมชาติกลับมาดังกังวานในหุบเขาอีกครั้ง หมู่บ้านป่าลมไหวก็กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม

หลังจากนั้น ธีร์ได้เล่าเรื่องราวของเขาให้ชาวบ้านฟัง ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและร่วมกันดูแลป่าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเขาเรียนรู้ว่าเสียงสายลมไม่ใช่แค่เสียงธรรมชาติ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลและความสงบสุขในชีวิต

และในทุกคืน เสียงสายลมในหุบเขาจะยังคงบรรเลงเพลงอันไพเราะ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนรักษาความงดงามของธรรมชาติไว้ตลอดไป


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *