พุทธวจน

พูดอย่างสัตบุรุษ: ศิลปะแห่งวาจาที่พ้นทุกข์

ภาพแสดงพระภิกษุกำลังแสดงธรรมแก่กลุ่มชนหลากหลายวัย ท่ามกลางบรรยากาศสงบ กลุ่มคนฟังมีอาการตั้งใจ บางคนยิ้ม บางคนพนมมือ ในพื้นหลังมีฉากธรรมชาติและเจดีย์แบบไทยสมัยใหม่ ผสมผสานกับองค์ประกอบแบบไซไฟ (เช่น พื้นหินเรืองแสงบางจุด หรือเครื่องสื่อสารโปร่งแสงในมือผู้ฟังบางคน) เพื่อแสดงถึงอนาคตอันกลมกลืนกับจิตใจสงบงามของธรรมะ

สารบัญ

ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงของการวิพากษ์ วิจารณ์ และการยกตนข่มท่าน หลักธรรมที่ปรากฏในพระสูตรเรื่อง "ลักษณะการพูดของสัตบุรุษ" กลับเป็นดั่งเข็มทิศนำทางให้เราใช้วาจาอย่างมีสติและปัญญา หลักธรรม ๔ ประการที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ มิใช่เพียงแนวทางสำหรับภิกษุ แต่เป็นกระจกสะท้อนชีวิตสำหรับปุถุชนทุกคน

๑. ไม่ซ้ำเติมความไม่ดีของผู้อื่น

สัตบุรุษไม่ยินดีที่จะเปิดเผยความผิดของผู้อื่น แม้เมื่อมีคนถาม ก็กล่าวเพียงเท่าที่จำเป็น ลดทอนความรุนแรงลงโดยไม่บิดเบือนความจริง การไม่ซ้ำเติมนี้ไม่ใช่เพราะการปกป้องคนผิด แต่เป็นการรักษาเมตตาและหลีกเลี่ยงการเติมเชื้อแห่งโทสะในสังคม

๒. ยกย่องคุณความดีของผู้อื่นโดยไม่ต้องรอให้ถาม

ตรงกันข้ามกับข้อแรก ผู้เป็นสัตบุรุษจะยินดีในการกล่าวถึงคุณงามความดีของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถามก็ยังเอ่ยชมโดยบริบูรณ์ การยกย่องเช่นนี้ช่วยสร้างวัฒนธรรมแห่งการเห็นคุณค่าในความดี และเป็นเครื่องส่งเสริมกำลังใจในหมู่ชน

๓. เปิดเผยข้อบกพร่องของตนเองโดยไม่ปิดบัง

นี่คือคุณลักษณะที่ตรงกันข้ามกับธรรมชาติของปุถุชนส่วนใหญ่ การกล้ายอมรับความผิดของตนเองอย่างเปิดเผย แสดงถึงความเข้มแข็งภายในและความจริงใจต่อธรรม ผู้ที่กล้าพูดถึงความผิดของตนโดยไม่บิดเบือน จะมีโอกาสพัฒนาตนได้อย่างแท้จริง

๔. ไม่โอ้อวดความดีของตน แม้เมื่อถูกถาม

สัตบุรุษจะไม่ถือเอาความดีของตนเป็นเครื่องยกตนข่มผู้อื่น แม้ถูกถามก็กล่าวอย่างถ่อมตน ไม่กล่าวโดยพิสดาร การวางใจเช่นนี้ สะท้อนถึงความไม่มีอัตตาและการตั้งอยู่ในความสงบ


วาจาที่หลุดพ้นจากการยกตนข่มท่าน

เมื่อพิจารณาทั้ง ๔ ประการ จะเห็นว่าแก่นแท้ของการพูดอย่างสัตบุรุษคือ "การไม่ปรุงแต่งวาจาเพื่อยกตนหรือลดท่าน" หากเรารู้จักวางจิตอย่างเป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำด้วยอัตตา ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่วเพราะเราเป็นผู้พูด ก็จะสามารถรักษาวาจาให้เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ได้

วาจาของสัตบุรุษนั้นมิได้เป็นเพียงคำพูดที่สุภาพ แต่เป็นคำพูดที่สะท้อนใจที่หลุดพ้น คำพูดที่ไม่ถูกอวิชชาและตัณหาครอบงำ เป็นวาจาที่ไม่ก่อการสั่งสมแห่งภพ ไม่เพิ่มความยึดมั่นในตัวตน และไม่เป็นเชื้อให้กิเลสทั้งหลายงอกเงย


สรุป

หลักธรรมว่าด้วย "ลักษณะของสัตบุรุษในการพูด" เป็นดั่งคำสอนที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมสำหรับการดำเนินชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง ความเห็น และการแสดงตน หากปุถุชนสามารถฝึกฝนใจตามหลัก ๔ ประการนี้ได้ ย่อมสามารถใช้วาจาเพื่อสร้างสันติสุขภายในและภายนอกได้อย่างแท้จริง


พระสูตรต้นฉบับ

[ลักษณะการพูดของสัตบุรุษ]

-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นที่รู้กันว่า เป็นสัตบุรุษ.
๔ ประการ อย่างไรเล่า ?  ๔ ประการ คือ :- 
 
(๑) ภิกษุทั้งหลาย !  สัตบุรุษในกรณีนี้ แม้มีใครถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏจะกล่าวทำไมถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้หลีกเลี้ยวลดหย่อนลง กล่าวความไม่ดีของผู้อื่นอย่างไม่พิสดารเต็มที่.  ภิกษุทั้งหลาย !  ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ.
 
(๒) ภิกษุทั้งหลาย !  สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ไม่ถูกใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็ยังนำมาเปิดเผยให้ปรากฏ จะต้องกล่าวทำไมถึงเมื่อถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่หลีกเลี้ยวลดหย่อน กล่าวความดีของผู้อื่นโดยพิสดารบริบูรณ์. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ. 
 
(๓) ภิกษุทั้งหลาย !  สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ไม่มีใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ยังนำมาเปิดเผยให้ปรากฏ ทำไมจะต้องกล่าวถึงเมื่อถูกถามเล่า; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ไม่นำเอาปัญหาไปหาทางทำให้ลดหย่อนบิดพลิ้ว แต่กล่าวความไม่ดีของตนโดยพิสดารเต็มที่. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ. 
 
(๔) ภิกษุทั้งหลาย !  สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้มีใครถามถึงความดีของตน ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ทำไมจะต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถามเล่า; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปกระทำให้ลดหย่อนหลีกเลี้ยวเสีย กล่าวความดีของตนโดยไม่พิสดารเต็มที่. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ.
 
ภิกษุทั้งหลาย !  บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล เป็นที่รู้กันว่า เป็น สัตบุรุษ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *