เนื้อแท้ของกามคุณ: บริโภคอย่างไรไม่ให้มารสิง
สารบัญ
Toggle
กามคุณ ๕: ไม่ผิด แต่มีพิษ?
หลายคนเข้าใจผิดว่ากามคุณ ๕ คือสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งต้องหลีกหนี แต่แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้ามิได้ทรงปฏิเสธกามคุณ ๕ เลย ทรงตรัสชัดเจนว่า "กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ไม่มีโทษ" รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ล้วนเป็นเพียงสิ่งที่น่าปรารถนาในตนเอง ไม่ใช่ปัญหา — ปัญหาอยู่ที่ การหลงติด ในกามคุณต่างหาก
กามคุณในสายตาของพระพุทธเจ้า
ในพระสูตรนี้ พระองค์ทรงเปรียบเทียบผู้ที่ติดอยู่ในกามคุณว่าเหมือนเนื้อป่าที่ติดบ่วง เมื่อพรานมา ก็ไม่สามารถหนีรอดได้ ฉันใดฉันนั้น สมณะหรือพราหมณ์ที่ติดในกามคุณ ก็เหมือนอยู่ในอำนาจของมารผู้มีบาป ต้องถึงความพินาศย่อยยับตามใจของมาร
ตรงกันข้าม หากยังบริโภคกามคุณอยู่ แต่รู้แจ้งเห็นโทษ เห็นอุบายเพื่อออกจากทุกข์ ย่อมไม่ตกเป็นเหยื่อของมารได้ — พระองค์เปรียบเปรยว่า เหมือนเนื้อป่าที่แม้อยู่บนกองบ่วง แต่ไม่ติดบ่วง เมื่อพรานมา ก็สามารถหนีรอดไปได้
กามคุณ: ใช้เป็นหรือใช้เปลือง
การมีกามคุณไม่ใช่เรื่องต้องละทิ้ง หากแต่ต้องมีสติรู้เท่าทันและไม่หลงมัวเมา ด้วยปัญญาที่รู้แจ้งในอุบายแห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ การบริโภคกามคุณจึงเปลี่ยนจากเหตุแห่งมาร เป็นโอกาสแห่งมรรคได้
นอกจากนั้น พระพุทธเจ้ายังได้เปรียบเทียบผู้หลุดพ้นจากอำนาจของมาร ว่าสง่างามในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ด้วยเหตุว่าไม่ได้อยู่ในคลองแห่งอำนาจของมารผู้มีบาป
และพระองค์ยังลำดับขั้นการบรรลุธรรม ตั้งแต่ปฐมฌาน ไปจนถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ จนถึงที่สุดแห่งอาสวะ ยืนยันว่าทางสายนี้เป็นไปได้จริง สำหรับผู้ที่ไม่หลงในกามคุณ แต่ใช้มันเป็นบทเรียนและบันไดสู่การหลุดพ้น
บทสรุป: กามคุณไม่ผิด แต่หากหลงติด ย่อมเป็นเหยื่อ
กามคุณทั้ง ๕ ไม่ใช่ตัวปัญหา แต่การติดใจ เมาหมก และไม่รู้แจ้งในอุบายออกจากทุกข์ต่างหากที่นำมาซึ่งความพินาศ
ในชีวิตปุถุชนที่ยังต้องข้องเกี่ยวกับโลก การมีกามคุณจึงมิใช่สิ่งต้องหลีกเลี่ยง แต่ต้องเข้าใจ ใช้อย่างมีสติ และเรียนรู้ที่จะไม่ถูกมารครอบงำ — กามคุณจึงกลายเป็นเครื่องฝึกตน มิใช่เครื่องพันธนาการ
พระสูตรต้นฉบับ:
การบริโภคกามคุณทั้ง ๕ อย่างไม่มีโทษ
-บาลี มู. ม. ๑๒/๓๓๑/๓๒๗.ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณเหล่านี้มี ๕ อย่าง. ๕ อย่าง อย่างไรเล่า ? ๕ อย่าง คือ :- รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู, กลิ่นที่ดมด้วยจมูก, รสที่ลิ้มด้วยลิ้น และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกาย อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด. ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณมี ๕ อย่าง เหล่านี้แล.-----ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม ติดอกติดใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์ ทำการบริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจอย่างใด ดังนี้.ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบได้ดังเนื้อป่าที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในกองบ่วง ในลักษณะที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่ามันจะถึงซึ่งความพินาศย่อยยับ เป็นไปตามความประสงค์ของพรานทุกประการ, เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.-----ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ เหล่านี้แล้ว มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่ เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์ บริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.ภิกษุทั้งหลาย ! ปรียบเหมือนเนื้อป่าตัวที่ไม่ติดบ่วง แม้นอนจมอยู่บนกองบ่วง มันก็เป็นสัตว์ที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่า เป็นสัตว์ที่ไม่ถึงความพินาศย่อยยับไปตามความประสงค์ของพรานแต่อย่างใด, เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหลีกหนีไปได้ตามที่ต้องการ ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.-----ภิกษุทั้งหลาย ! (อีกอย่างหนึ่ง) เปรียบเหมือนเนื้อป่า เที่ยวไปในป่ากว้าง เดินอยู่ก็สง่างาม ยืนอยู่ก็สง่างาม หมอบอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุว่าเนื้อป่านั้นยังไม่มาสู่คลองแห่งจักษุของพราน, ข้อนี้ฉันใด;ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน : สงัดแล้วจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งปฐมฌาณ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า ได้ทำมารให้เป็นผู้ตาบอดไม่มีร่องรอย กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมาร ไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น.-----(ต่อไปนี้ ได้ตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน-ตติยฌาน- จตุตถฌาน-อากาสานัญจายตนะ-วิญญาณัญจายตนะ- อากิญจัญญายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยนัยเดียวกันกับการบรรลุปฐมฌาน เป็นลำดับไป, จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ โดยข้อความสืบต่อไปว่า 🙂ภิกษุทั้งหลาย ! ยิ่งไปกว่านั้นอีก : ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่. อนึ่ง เพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ.ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ทำมารให้เป็นผู้ตาบอด ไม่มีร่องรอย กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมารไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น, ได้ข้ามแล้วซึ่งตัณหาในโลก. ภิกษุนั้นยืนอยู่ก็สง่างาม เดินอยู่ก็สง่างาม นั่งอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุว่า ภิกษุนั้นไม่ได้มาสู่คลองแห่งอำนาจของมารผู้มีบาป, ดังนี้แล.