ทางเสื่อมของชีวิตที่ไม่รู้ตัว: เจาะลึกอบายมุข ๖ ตามพุทธวจน
สารบัญ
Toggle
ในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งเย้ายวนใจมากมาย คนจำนวนไม่น้อยอาจกำลังดำเนินชีวิตอยู่บน "ทางเสื่อม" โดยไม่รู้ตัว คำว่า "อบายมุข" ในพระพุทธศาสนา จึงไม่ใช่เพียงคำสอนล้าสมัย แต่คือการเตือนถึงกับดักแห่งความเสื่อมในชีวิตที่เกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่กลับนำไปสู่ความพินาศอย่างช้า ๆ
บทความนี้จะวิเคราะห์อบายมุข ๖ อย่างลึกซึ้งจากพระพุทธวจน เพื่อชี้ให้เห็นรากเหง้าของความเสื่อมในทางธรรมและทางโลก พร้อมแนวทางการพ้นจากวงจรนี้
อบายมุข ๖ คืออะไร?
ในพระสูตร พระพุทธเจ้าตรัสกับคหบดีบุตรถึงทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ (ทรัพย์สิน ความเจริญทางโลก) ๖ ประการ ได้แก่:
การดื่มน้ำเมา (สุรา เมรัย)
การเที่ยวกลางคืน
การเที่ยวชุมนุมแห่งความเมา
การเล่นการพนัน
การคบคนชั่วเป็นมิตร
ความเกียจคร้าน
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงพฤติกรรมผิดศีลธรรมเท่านั้น แต่มีผลโดยตรงต่อชีวิต ความสัมพันธ์ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและจิตใจ
การดื่มน้ำเมา: จุดเริ่มต้นของความประมาท
การดื่มสุราเมรัยคือการเปิดประตูให้กับความไม่รู้ตัว พระพุทธองค์แสดงถึงโทษ ๖ ประการจากการดื่มเหล้า เช่น การเสื่อมทรัพย์ ก่อวิวาท เป็นเหตุให้เจ็บป่วย เสียชื่อเสียง ขาดหิริโอตตัปปะ และปัญญาเสื่อม
การเที่ยวกลางคืน: ความประมาทในความปลอดภัย
การออกนอกบ้านโดยไม่มีเหตุสมควรในเวลากลางคืน ทำให้เสี่ยงต่ออันตราย เสื่อมทรัพย์ และถูกสงสัยจากผู้อื่น พระพุทธองค์ตรัสชัดถึงผลกระทบเชิงสังคมและความมั่นคงส่วนบุคคล
การเที่ยวชุมนุมแห่งความเมา: การหลงในความบันเทิง
สถานบันเทิงเป็นแหล่งดูดพลังงานชีวิตโดยไม่รู้ตัว การติดตามงานรื่นเริงทุกที่ทุกเวลาเป็นสัญญาณของการไม่ตั้งหลักในชีวิต
การพนัน: เกมของความประมาท
การพนันเป็นเหตุให้เสื่อมทั้งทรัพย์สิน ความสัมพันธ์ และเกียรติยศ ผู้ชนะมีเวร ผู้แพ้เสียดายทรัพย์ คนรอบข้างดูถูก เป็นเหตุให้ไม่มีใครอยากคบค้า
คบคนชั่วเป็นมิตร: การเลือกคบคนคือการกำหนดอนาคต
มิตรแท้คือผู้ชี้ทางดี คนชั่วชักนำให้ไปในทางเสื่อม เช่น ให้เล่นการพนัน เจ้าชู้ ล่อลวงผู้อื่น ต้มตุ๋น หรือแม้แต่ใช้ความรุนแรง
ความเกียจคร้าน: ต้นเหตุของความพินาศทางโลกและทางธรรม
การผัดวันประกันพรุ่งด้วยข้ออ้างต่าง ๆ ทำให้เสียโอกาส สุดท้ายทรัพย์สินที่มีอยู่ก็หมดไป ไม่เกิดความเจริญก้าวหน้าในชีวิต
สรุป: ทางแห่งความไม่เสื่อม
พระพุทธเจ้าตรัสถึงอบายมุขเพื่อให้สติแก่ผู้ครองเรือน ไม่ใช่เพื่อประณาม แต่เพื่อให้เกิดการพิจารณา เห็นอันตรายและเลือกเดินในทางเจริญ หากเห็นโทษในสิ่งเหล่านี้ ก็ย่อมละได้ ไม่ต้องรอให้ตกต่ำก่อนจึงจะสำนึก
พระสูตรต้นฉบับ:
อบายมุข ๖ (ทางเสื่อมแห่งทรัพย์ ๖ ทาง)
-บาลี ปา. ที. ๑๑/๑๙๖/๑๗๘.คหบดีบุตร ! อริยสาวก ไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ ๖ ทาง (อบายมุข ๖) คือ :-(๑) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์,(๒) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์,(๓) การเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา (สมชฺชาภิจรณ) เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์,(๔) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนัน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์,(๕) การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์,(๖) การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์.โทษของอบายมุขแต่ละข้อ
คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
(๒) ก่อการทะเลาะวิวาท
(๓) เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
(๔) เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
(๕) เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
(๖) เป็นเหตุทอนกำลังปัญญาคหบดีบุตร ! เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน มี ๖ ประการ คือ :-
(๑) ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
(๒) ผู้นั้นชื่อว่า ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา(๓) ผู้นั้นชื่อว่า ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ(๔) ผู้นั้นชื่อว่า เป็นที่ระแวงของคนอื่น(๕) คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น(๖) เหตุแห่งทุกข์เป็นอันมาก ย่อมแวดล้อมผู้นั้นคหบดีบุตร ! เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน.คหบดีบุตร ! โทษในการเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา มี ๖ ประการ คือ :-(๑) รำที่ไหน ไปที่นั่น(๒) ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น(๓) ประโคมที่ไหน ไปที่นั่น(๔) เสภาที่ไหน ไปที่นั่น(๕) เพลงที่ไหน ไปที่นั่น(๖) เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่นคหบดีบุตร ! เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา.คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนัน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มี ๖ ประการ คือ :-(๑) ผู้ชนะย่อมก่อเวร(๒) ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป(๓) ย่อมเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน(๔) ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น(๕) ถูกมิตร อมาตย์หมิ่นประมาท(๖) ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนัน ไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยาได้คหบดีบุตร ! เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตรมี ๖ ประการ คือ :-(๑) นำให้เป็นนักเลงการพนัน(๒) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้(๓) นำให้เป็นนักเลงเหล้า(๔) นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม(๕) นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า(๖) นำให้เป็นคนหัวไม้คหบดีบุตร ! เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร.คหบดีบุตร ! โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน มี ๖ ประการ คือ :-(๑) ชอบอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน(๒) ชอบอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน(๓) ชอบอ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน(๔) ชอบอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน(๕) ชอบอ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน(๖) ชอบอ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงานเมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผลัดผ่อนการงานอยู่อย่างนี้ โภคทรัพย์ที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ถึงความสิ้นไป.คหบดีบุตร !เหล่านี้แล คือ โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน.