พุทธวจน

หลักการดำรงชีพเพื่อความสุขในปัจจุบัน: ธรรม 4 ข้อจากพุทธวจนที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

หลักการดำรงชีพเพื่อความสุขในปัจจุบัน: ธรรม 4 ข้อจากพุทธวจนที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

สารบัญ

ความสุขในโลกนี้เริ่มต้นที่การดำรงชีพอย่างมีธรรม

ในยุคที่ผู้คนวิ่งตามความสำเร็จทางวัตถุ บ่อยครั้งความสุขกลับกลายเป็นเรื่องหายาก ความเครียดจากอาชีพหรือล้มเหลวทางการเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในพุทธวจน ได้ตรัสไว้ถึง "ธรรม 4 ประการเพื่อความสุขในปัจจุบัน" ซึ่งหากเข้าใจและปฏิบัติตาม ย่อมเป็นรากฐานแห่งชีวิตที่มั่นคงและเป็นสุข


ธรรม 4 ประการเพื่อความสุขในปัจจุบัน

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่พราหมณ์ชื่อพยัคฆปัชชะ ถึงธรรม 4 ประการ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์สุขในโลกนี้ โดยไม่ต้องรอถึงชาติหน้า ได้แก่:

1. ความขยันในอาชีพ (อุฏฐานสัมปทา)

หมายถึง ความเพียรพยายาม กระตือรือร้นในอาชีพที่ชอบธรรม ไม่เกียจคร้าน มีความชำนาญในงานที่ทำ และรู้จักวิธีปรับตัว ปรับแผนอย่างเหมาะสม ย่อมส่งผลให้สามารถเลี้ยงตนและครอบครัวได้อย่างมั่นคง

2. การรักษาทรัพย์ (อารักขสัมปทา)

เมื่อได้ทรัพย์มาด้วยความสุจริตแล้ว ต้องรู้จักรักษาไม่ให้เสียไปด้วยความประมาท ต้องป้องกันภัยต่าง ๆ เช่น โจร ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือจากผู้ไม่ประสงค์ดี เพื่อให้ทรัพย์นั้นยังคงอยู่และเกิดประโยชน์ได้ต่อไป

3. ความมีมิตรดี (กัลยาณมิตตตา)

การคบคนดี มีศีล มีปัญญา จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตเจริญขึ้น ทั้งในด้านความคิด การใช้ชีวิต และศีลธรรม เพราะมิตรดีจะชักจูงให้ทำดี พัฒนาตนเอง ไม่พาไปในทางเสื่อม

4. การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ (สมชีวิตา)

รู้จักประมาณในการใช้จ่าย ไม่ใช้เงินเกินตัว รู้สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย ใช้ชีวิตแบบไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ขี้เหนียว เป็นการใช้ทรัพย์อย่างมีปัญญา และทำให้ชีวิตมีความมั่นคงในระยะยาว


ความร่วมสมัยของธรรม 4 ข้อนี้

แม้จะผ่านมาแล้วกว่าสองพันห้าร้อยปี แต่ธรรม 4 ประการนี้ยังคงทันสมัยและใช้ได้จริงเสมอในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การมีหลักยึดแบบนี้ ช่วยให้ไม่หลงไปกับกระแสโลก แต่สามารถดำรงตนได้อย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรี และปลอดภัย


สรุป: ความสุขที่แท้ เริ่มได้จากวันนี้

ธรรมะของพระพุทธองค์ไม่ใช่แค่เรื่องของการบำเพ็ญเพียรเพื่อผลในชาติหน้า แต่ยังเป็นคู่มือชีวิตที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน โดยเฉพาะธรรม 4 ประการนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความสุข ความมั่นคง และความก้าวหน้าในชีวิตอย่างยั่งยืน


พระสูตรต้นฉบับ:

 หลักการดำรงชีพ เพื่อประโยชน์สุขในวันนี้

-บาลี อฏฺก. อํ. ๒๓/๒๘๙/๑๔๔.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่กุลบุตร ในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรม). ๔ ประการ อย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :-

(๑) ความขยันในอาชีพ (อุฏฐานสัมปทา) (๒) การรักษาทรัพย์ (อารักขสัมปทา) (๓) ความมีมิตรดี (กัลยาณมิตตตา) (๔) การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ (สมชีวิตา)

ความขยันในอาชีพ

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ความขยันในอาชีพ (อุฏฐานสัมปทา)เป็นอย่างไรเล่า ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยการลุกขึ้นกระทำการงาน คือด้วยกสิกรรม

หรือวานิชกรรม โครักขกรรม อาชีพผู้ถืออาวุธ อาชีพราชบุรุษ หรือด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ในอาชีพนั้นๆ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่เกียจคร้าน ประกอบด้วยการสอดส่องในอุบายนั้นๆ สามารถกระทำ สามารถจัดให้กระทำ.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า ความขยันในอาชีพ.

การรักษาทรัพย์

พ๎ยัคฆปัชชะ ! การรักษาทรัพย์ (อารักขสัมปทา) เป็นอย่างไรเล่า ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้, โภคทรัพย์อันกุลบุตรหาได้มาด้วยความเพียร เป็นเครื่องลุกขึ้นรวบรวมมาด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม, เขารักษาคุ้มครองอย่างเต็มที่ ด้วยหวังว่า “อย่างไรเสียพระราชาจะไม่ริบทรัพย์ของเราไป โจรจะไม่ปล้นเอาไป ไฟจะไม่ไหม้ น้ำจะไม่พัดพาไป ทายาทอันไม่รักใคร่เรา จะไม่ยื้อแย่งเอาไป” ดังนี้.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า การรักษาทรัพย์.

ความมีมิตรดี

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ความมีมิตรดี (กัลยาณมิตตตา) เป็นอย่างไรเล่า ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ อยู่อาศัยในบ้านหรือนิคมใด, ถ้ามีบุคคลใดๆ ในบ้านหรือนิคมนั้น เป็นคหบดีหรือบุตรคหบดีก็ดี เป็นคนหนุ่มที่เจริญด้วยศีล หรือเป็นคนแก่ที่เจริญด้วยศีลก็ดี ล้วนแต่ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วยจาคะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา อยู่แล้วไซร้, กุลบุตรนั้นก็ดำรงตนร่วม พูดจาร่วม สากัจฉาร่วม กับชนเหล่านั้น.

เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยศรัทธาโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา.

เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยศีลโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.

เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยจาคะโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ.

เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยปัญญาโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา อยู่ในที่นั้นๆ.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า ความมีมิตรดี.

การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ

พ๎ยัคฆปัชชะ ! การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ (สมชีวิตา) เป็นอย่างไรเล่า ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ รู้จักความได้มาแห่งโภคทรัพย์ รู้จักความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์ แล้วดำรงชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่าย และรายจ่ายของเราจักไม่ท่วมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! เปรียบเหมือนคนถือตาชั่ง หรือลูกมือของเขา ยกตาชั่งขึ้นแล้ว ก็รู้ว่า “ยังขาดอยู่เท่านี้ หรือเกินไปแล้วเท่านี้” ดังนี้ฉันใด; กุลบุตรนี้ ก็ฉันนั้น : เขารู้จักความได้มาแห่งโภคทรัพย์ รู้จักความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์ แล้วดำรงชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่ายและรายจ่ายของเราจักไม่ท่วมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ถ้ากุลบุตรนี้ เป็นผู้มีรายได้น้อย แต่สำเร็จการเป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือยแล้วไซร้ ก็จะมีผู้กล่าวว่า กุลบุตรนี้ใช้จ่ายโภคทรัพย์ (อย่างสุรุ่ยสุร่าย) เหมือนคนกินผลมะเดื่อ ฉันใดก็ฉันนั้น.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! แต่ถ้ากุลบุตร เป็นผู้มีรายได้มหาศาล แต่สำเร็จการเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นแล้วไซร้ ก็จะมีผู้กล่าวว่า กุลบุตรนี้จักตายอดตายอยากอย่างคนอนาถา.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! เมื่อใด กุลบุตรนี้ รู้จักความได้มาแห่งโภคทรัพย์ รู้จักความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์ แล้วดำรงชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่าย และรายจ่ายของเราจักไม่ท่วมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้;

พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เราเรียกว่า การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล เป็นธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขของกุลบุตร ในทิฏฐธรรม.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *