นิทานก่อนนอน, นิทานที่เล่าเรื่องราวจริงผสมจินตนาการ 🌌

[BTSR]: ชายชรากับต้นไม้ต้นสุดท้าย

ชายชรากับต้นไม้ต้นสุดท้าย

ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมภูเขา มีชายชราคนหนึ่งชื่อว่า “ลุงภู” ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิด หมู่บ้านของลุงภูเคยเป็นดินแดนอันเขียวชอุ่ม มีต้นไม้สูงใหญ่ล้อมรอบ เสียงนกร้องขับกล่อมทุกเช้า และลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งปี

แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป ผู้คนจากเมืองใหญ่เข้ามาตัดไม้เพื่อสร้างบ้าน สร้างถนน จนป่าอันเขียวขจีค่อย ๆ หายไป จากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับกลายเป็นที่รกร้าง ทิ้งไว้เพียงต้นไม้ต้นหนึ่งที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งแห่งความว่างเปล่า ต้นไม้ต้นนั้นคือต้นไม้ที่ลุงภูรักที่สุด มันชื่อว่า “ต้นศรัทธา”

ความลับของต้นศรัทธา

ต้นศรัทธาไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา มันสูงใหญ่และมีกิ่งก้านแผ่กว้าง แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ใบของมันเปล่งแสงเรืองรองในยามค่ำคืน เสียงลมที่พัดผ่านใบของมันฟังดูคล้ายเสียงเพลงที่ปลอบประโลมใจ ชาวบ้านเคยเชื่อว่าต้นศรัทธาเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหมู่บ้านจากภัยพิบัติ

ลุงภูเล่าว่า ตอนยังเป็นเด็ก เขาเคยได้ยินเสียงของต้นศรัทธา “ต้นไม้ก็เหมือนผู้คน ต้องการความรักและการดูแล หากเรารักธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะรักเรา” คำพูดนั้นยังคงติดอยู่ในใจลุงภูตลอดมา

การเดินทางสู่คำตอบ

วันหนึ่ง ท้องฟ้ากลับมืดครึ้ม ฝนตกหนัก และลมแรง หมู่บ้านที่เคยสงบเริ่มเกิดดินถล่ม น้ำท่วม และภัยธรรมชาติที่ไม่เคยมีมาก่อน ชาวบ้านต่างหวาดกลัว หลายคนเลือกที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ลุงภูยังคงอยู่ เขาเชื่อว่าต้นศรัทธาจะช่วยปกป้องหมู่บ้านได้ หากเขาหาวิธีฟื้นฟูป่าได้

คืนนั้น ลุงภูฝันถึงหญิงสาวลึกลับผู้หนึ่ง เธอสวมเสื้อคลุมสีเขียวเรืองแสงและกล่าวว่า “ผู้เฒ่าเอย หากเจ้าต้องการกอบกู้ป่า เจ้าต้องฟังเสียงของต้นศรัทธาให้ดี สิ่งที่เจ้าค้นหาจะอยู่ในจังหวะลมหายใจของมัน”

เสียงกระซิบของต้นไม้

ลุงภูตื่นขึ้นมากลางดึก ฝนยังคงตก แต่เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง เขาเดินไปยังต้นศรัทธา ก้มลงและเอาหูแนบกับลำต้น เสียงที่เขาได้ยินทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

“ดิน น้ำ ลม และไฟ… ฟื้นฟูป่าเริ่มจากหัวใจ” เสียงกระซิบดังขึ้น ลุงภูเข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร

วันต่อมา เขาเริ่มลงมือปลูกต้นไม้ใหม่ทีละต้น แม้จะเป็นเพียงลำพัง แต่ลุงภูไม่เคยหยุด เขาขุดดิน หยอดเมล็ด และรดน้ำทุกวัน นานวันเข้า เด็ก ๆ ในหมู่บ้านเริ่มเห็นความพยายามของลุงภู พวกเขาจึงมาช่วยกันปลูกต้นไม้ คนหนุ่มสาวที่เคยย้ายออกไปก็เริ่มกลับมาสนับสนุน

ปาฏิหาริย์แห่งการร่วมมือ

เมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้น้อย ๆ เติบโตและสร้างเงาให้พื้นที่อีกครั้ง ท้องฟ้าที่เคยขุ่นมัวกลับสดใส เสียงนกและเสียงลมที่เคยหายไปกลับมาอีกครั้ง หมู่บ้านค่อย ๆ ฟื้นคืนสภาพเดิม

วันหนึ่ง ลุงภูไปเยี่ยมต้นศรัทธาที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม ใบของมันเปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าเคย เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง “จงศรัทธาในความพยายามเล็ก ๆ เพราะมันสามารถสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ได้เสมอ”

ข้อคิดจากต้นไม้ต้นสุดท้าย

นิทานเรื่องนี้เตือนใจเราว่า ธรรมชาติเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และการดูแลรักษาธรรมชาติไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากเราเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น ปลูกต้นไม้ต้นเดียวในวันนี้ อนาคตของโลกก็อาจเปลี่ยนไปได้

ต้นไม้ต้นสุดท้ายในนิทานเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของธรรมชาติ แต่ยังเป็นตัวแทนของความศรัทธาในความหวัง ความรัก และความพยายามที่ไม่มีวันสิ้นสุด แม้ในวันที่มืดมนที่สุด เราก็ยังสามารถสร้างแสงสว่างขึ้นมาได้ หากเรามีหัวใจที่มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *