วิญญาณกับนามรูป: วัฏจักรแห่งการเกิดขึ้นของสัตว์ตามพุทธวจน
สารบัญ
Toggleในการศึกษาธรรมะตามแนวพุทธวจน หนึ่งในหัวข้อที่ลึกซึ้งและสำคัญที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง วิญญาณกับนามรูป ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในปฏิจจสมุปบาท หรือ “ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้น” ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ชัดเจนว่า “นามรูปมี เพราะปัจจัยคือวิญญาณ” และในทางกลับกัน “วิญญาณมี เพราะปัจจัยคือนามรูป” หัวข้อนี้จึงเป็นพื้นฐานของการอธิบายความเกิด ความดับ และวัฏฏะของสัตว์โลกทั้งหมด
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกหลักธรรมข้อนี้ พร้อมแนบพระสูตรดั้งเดิมจากพุทธวจน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้โดยตรงจากคำพระพุทธเจ้าเอง
วิญญาณกับนามรูปในพุทธวจน
ความสัมพันธ์ของวิญญาณและนามรูป
ในพระสูตร พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระอานนท์ว่า:
“อานนท์ ! คำนี้ว่า ‘นามรูปมี เพราะปัจจัย คือวิญญาณ’ ดังนี้ เป็นคำที่เรากล่าวแล้ว...”
จากนั้นทรงขยายความโดยปริยายผ่านคำถามและคำตอบ เช่น หากไม่มีวิญญาณก้าวลงในครรภ์มารดาแล้ว นามรูปจะปรุงตัวได้หรือไม่? คำตอบคือ “หามิได้” ซึ่งแสดงถึงความจำเป็นของวิญญาณต่อการเกิดขึ้นของนามรูป
ความสัมพันธ์ย้อนกลับ: นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
เช่นกัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงต่อไปว่า:
“อานนท์ ! คำนี้ว่า ‘วิญญาณมี เพราะปัจจัยคือนามรูป’ ดังนี้ เป็นคำที่เรากล่าวแล้ว...”
หากวิญญาณไม่มีที่ตั้งอาศัยในนามรูปแล้ว ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งทุกข์จะมีได้หรือไม่? คำตอบก็เช่นเดิมว่า “หามิได้” แสดงถึงการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่นระหว่างนามรูปกับวิญญาณ
ความสำคัญต่อวัฏฏะของสัตว์โลก
จากคำตรัสนี้ เราจะเห็นว่า วิญญาณและนามรูป เป็นกลไกหลักในการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก ดังที่พระองค์ทรงสรุปไว้ว่า:
“สัตว์โลก จึงเกิดบ้าง จึงแก่บ้าง จึงตายบ้าง จึงจุติบ้าง จึงอุบัติบ้าง... ความเวียนว่ายในวัฏฏะ ก็มีเพียงเท่านี้ : นามรูปพร้อมทั้งวิญญาณตั้งอยู่ เพื่อการบัญญัติซึ่งความเป็นอย่างนี้”
ต้นฉบับพระสูตรจากพุทธวจน
วิญญาณ คือ เหตุแห่งการเกิดขึ้นของสัตว์
-บาลี มหา. ที. ๑๐/๖๗/๕๘.
อานนท์ ! ก็คำนี้ว่า “นามรูปมี เพราะปัจจัย คือวิญญาณ” ดังนี้, เช่นนี้แล เป็นคำที่เรากล่าวแล้ว.
อานนท์ ! ความข้อนี้ เธอต้องทราบอธิบายโดยปริยายดังต่อไปนี้ ที่ตรงกับหัวข้อที่เรากล่าวไว้แล้วว่า “นามรูปมี เพราะปัจจัยคือวิญญาณ”.อานนท์ ! ถ้าหากว่าวิญญาณจักไม่ก้าวลงในท้องแห่งมารดาแล้วไซร้; นามรูปจักปรุงตัวขึ้นมาในท้องแห่งมารดาได้ไหม ? “ข้อนั้น หามิได้พระเจ้าข้า !”.
อานนท์ ! ถ้าหากว่าวิญญาณก้าวลงในท้องแห่งมารดาแล้ว จักสลายลงเสียแล้วไซร้; นามรูปจักบังเกิดขึ้น เพื่อความเป็นอย่างนี้ได้ไหม ? “ข้อนั้น หามิได้พระเจ้าข้า !”.
อานนท์ ! ถ้าหากว่าวิญญาณของเด็กอ่อน ที่เป็นชายก็ตาม เป็นหญิงก็ตาม จักขาดลงเสียแล้วไซร้; นามรูป จักถึงซึ่งความเจริญ ความงอกงาม ความไพบูลย์บ้างหรือ ? “ข้อนั้น หามิได้พระเจ้าข้า !”.
อานนท์ ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้, นั่นแหละคือเหตุ, นั่นแหละคือนิทาน, นั่นแหละคือสมุทัย, นั่นแหละคือปัจจัย ของนามรูป; นั้นคือ วิญญาณ.
อานนท์ ! ก็คำนี้ว่า “วิญญาณมี เพราะปัจจัยคือนามรูป” ดังนี้, เช่นนี้แล เป็นคำที่เรากล่าวแล้ว.
อานนท์ ! ความข้อนี้ เธอต้องทราบอธิบายโดยปริยายดังต่อไปนี้ที่ตรงกับหัวข้อที่เรากล่าวไว้แล้วว่า “วิญญาณมี เพราะปัจจัยคือนามรูป”.อานนท์ ! ถ้าหากว่าวิญญาณ จักไม่ได้มีที่ตั้งที่อาศัยในนามรูป แล้วไซร้; ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งทุกข์ คือ ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป จะมีขึ้นมาให้เห็นได้ไหม ? “ข้อนั้น หามิได้พระเจ้าข้า !”.
อานนท์ ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้, นั่นแหละคือเหตุ, นั่นแหละคือนิทาน, นั่นแหละคือสมุทัย, นั่นแหละคือปัจจัยของวิญญาณ; นั่นคือ นามรูป.
อานนท์ ! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สัตว์โลก จึงเกิดบ้าง จึงแก่บ้าง จึงตายบ้าง จึงจุติบ้าง จึงอุบัติบ้าง : คลองแห่งการเรียก (อธิวจน) ก็มีเพียงเท่านี้, คลองแห่งการพูดจา (นิรุตฺติ) ก็มีเพียงเท่านี้, คลองแห่งการบัญญัติ (ปญฺตฺติ) ก็มีเพียงเท่านี้, เรื่องที่จะต้องรู้ด้วยปัญญา (ปญฺาวจร) ก็มีเพียงเท่านี้, ความเวียนว่ายในวัฏฏะ ก็มีเพียงเท่านี้ : นามรูปพร้อมทั้งวิญญาณตั้งอยู่ เพื่อการบัญญัติซึ่งความเป็นอย่างนี้ (ของนามรูปกับวิญญาณ นั่นเอง).
สรุป
วิญญาณกับนามรูปคือ “คู่เหตุ” ที่เป็นรากฐานของการเกิดขึ้นของสัตว์ ตามหลักแห่ง ปฏิจจสมุปบาท หากไม่มีวิญญาณ นามรูปย่อมไม่ปรุงแต่ง หากไม่มีนามรูป วิญญาณก็ไม่มีที่ตั้งอาศัย ความรู้ในหัวข้อนี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นต้นทางแห่งทุกข์ แต่ยังนำทางสู่การดับทุกข์ได้โดยการหยุดวงจรของการปรุงแต่งอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้