ผู้ชี้ขุมทรัพย์: พระพุทธเจ้าผู้ชี้โทษ เพื่อมรรคผลอันเป็นแก่นสาร
สารบัญ
Toggle
ในยุคที่ผู้คนหลงใหลคำปลอบใจ ความไพเราะ และคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกดี คำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พระองค์ไม่ทรง "ทะนุถนอม" ผู้ฟัง แต่ตรัสธรรมตรง ๆ เพื่อชี้ทางสว่างแก่ผู้พร้อมจะฟังความจริง
"เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียกยังดิบอยู่"
พระองค์เปรียบคำสอนของตนเองเหมือนการลงมือของช่างหม้อที่ต้องลงแรง ขัด ถู และขึ้นรูปให้ชัดเจน ไม่ได้ปล่อยไปตามใจหม้อ เพราะผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้
ธรรมะของผู้ชี้โทษ: ความเมตตาที่แท้จริง
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อโอ๋หรือเอาใจ แต่เพื่อชี้จุดบกพร่องของจิตใจมนุษย์อย่างชัดเจน การชี้โทษ จึงไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่เป็นความกรุณาอย่างลึกซึ้ง เป็นการเปิดแผลเพื่อรักษาอย่างแท้จริง
"คนเราควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ"
พระองค์ทรงสอนให้เราเคารพบัณฑิตผู้ชี้โทษ เพราะการได้รับคำขนาบคือการได้รับโอกาสทองในการเห็นตัวเอง แล้วเดินสู่เส้นทางหลุดพ้น
ผู้ทนฟังธรรมแท้ คือผู้มีแก่นสาร
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถอยู่กับธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ เพราะธรรมของพระองค์คือกระจกเงาที่สะท้อนความจริงโดยไม่แต่งเติม ผู้ที่ยังติดอยู่กับอัตตา ความปรุงแต่ง หรือความต้องการให้โลกหมุนตามใจ มักทนไม่ได้กับการขนาบซ้ำ ๆ
"โย สาโร โส ฐสฺสติ" — ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
คนที่มีจิตมั่นคงในทางสายกลาง จะไม่หวั่นไหวกับความจริงที่ได้ยิน แต่กลับใช้มันเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลง
แนบต้นฉบับ: คำสอนจากพระโอษฐ์
ผู้ชี้ขุมทรัพย์ !
-บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖.
-บาลี ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖.
น เต อหํ อานนฺท ตถา ปรกฺกมิสฺสามิ อานนท์ !
เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
ยถา กุมฺภกาโร อามเก อามกมตฺเต
เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อ ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่.
นิคฺคยฺหนิคฺคยฺหาหํ อานนฺท วกฺขามิ อานนท์ !
เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด.
ปวยฺหปวยฺหาหํ อานนฺท วกฺขามิ อานนท์ !
เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด.
โย สาโร, โส ฐสฺสติ
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
นิธีนํว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช
คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป
ว่าคนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย
เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่
ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย.
บทสรุป
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงปลอบโยน แต่ทรงมอบ "ธรรมอันเป็นจริง" เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเห็นโทษ เห็นเหตุ และเห็นทางออกจากทุกข์ การฟังธรรมแท้ จึงเป็นทั้งศิลปะและการฝึกใจ หากเรายินดีในคำขนาบและการชี้โทษ เรากำลังก้าวเดินอยู่บนทางที่มั่นคงและปลอดภัยที่สุด